ประยุกต์ใช้ โพสล่าสุด โพสสำคัญ เครื่องมือ สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
หัวข้อ : แนวข้อสอบ กฎหมายลักษณะพยาน นายร้อยตำรวจ
admin ออฟไลน์
ระดับ: ผู้ดูแลระบบ
รายละเอียดผู้ใช้ 

แนวข้อสอบ กฎหมายลักษณะพยาน นายร้อยตำรวจ

แชร์กระทู้นี้

ข้อสอบกฎหมายลักษณะพยาน

1.   ในคดีแพ่ง ผู้ใดมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริง
ก.   คู่ความฝ่ายที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริง
ข.   โจทก์
ค.   จำเลย
ง.   คู่ความ
2.   ในคดีแพ่งคู่ความไม่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงใด
ก.   ข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป
ข.   ข้อเท็จจริงซึ่งไม่อาจโต้แย้งได้
ค.   ข้อเท็จจริงซึ่งศาลเห็นว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้รับแล้ว
ง.   ถูกทุกข้อ
3.   คู่ความฝ่ายใดมีความจำนงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใด หรือคำเบิกความของพยานคนใด หรือมีความจำนงที่จะให้ศาลตรวจบุคคลวัตถุ สถานที่ หรืออ้างอิงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ศาลตั้ง เพื่อเป็นพยานหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตน ให้คู่ความฝ่ายนั้นยื่นต่อศาล
ก.   ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าห้าวัน
ข.   ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ค.   ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสิบวัน
ง.   ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
4.   ถ้าคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงจะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมให้ยื่นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติมต่อศาลพร้อมกับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมและสำเนาบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมดังกล่าวได้
ก.   ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสิบวัน
ข.   ภายในสิบวันนับแต่วันสืบพยาน
ค.   ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
ง.   ภายในสิบห้าวันนับแต่วันสืบพยาน
5.   การอ้างเอกสารเป็นพยานนั้นให้ยอมรับฟังได้แต่
ก.   ต้นฉบับเอกสารเท่านั้น
ข.   สำเนาที่รับรองแล้วถูกต้อง
ค.   สำเนาที่รับรองจากส่วนราชการ
ง.   ถูกทุกข้อ
6.   กรณีใด กฎหมายกำหนดให้ศาลยอมรับฟังสำเนาเอกสาร เป็นพยานหลักฐานแห่งเอกสารนั้นได้
ก.   เมื่อคู่ความที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายตกลงกันว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องแล้ว
ข.   ถ้าต้นฉบับเอกสารหาไม่ได้ เพราะสูญหาย
ค.   ถ้าต้นฉบับเอกสารถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่น
ง.   ถูกทุกข้อ
7.   กรณีใด ศาลจะอนุญาตให้นำพยานบุคคลมาสืบแทนพยานเอกสารก็ได้
ก.   ถ้าต้นฉบับเอกสารหาไม่ได้ เพราะสูญหาย
ข.   ถ้าต้นฉบับเอกสารถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัย
ค.   ถ้าไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่น
ง.   ถูกทุกข้อ
8.   กรณีต้นฉบับเอกสารที่อยู่ในความอารักขาหรือในความควบคุมของทางราชการนั้น จะนำมาแสดงได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตของรัฐมนตรี หัวหน้ากรม กอง หัวหน้าแผนกหรือผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนั้น ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี  จะใช้พยานบุคคลแทนได้หรือไม่
ก.   ไม่ได้  แต่อาจใช้สำเนาเอกสารซึ่งรัฐมนตรี หัวหน้ากรม กอง หัวหน้าแผนกหรือผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนั้น ๆ ได้รับรองถูกต้องแล้ว
ข.   ใช้ได้เฉพาะต้นฉบับเท่านั้น
ค.   ได้  แต่ต้องเป็นบุคคลที่ดูแลรักษาเอกสารนั้น
ง.   ได้  แต่บุคคลที่ดูแลเอกสารนั้นต้องมาเบิกความยืนยัน
9.   เจ้าพนักงานตำรวจจับนายเล็กได้พร้อมเฮโรอีนของกลางจำนวนหนึ่ง นายเล็กให้การรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวนว่า ซื้อเฮโรอีนของกลางมาจากนายใหญ่ เจ้าพนักงานตำรวจจึงขอหมายจับตัวนายใหญ่มาดำเนินคดีด้วย นายใหญ่ให้การปฏิเสธ ต่อมาพนักงานอัยการยื่นฟ้องนายเล็กและนายใหญ่เป็นจำเลยในคดีเดียวกันโดยฟ้องนายเล็กฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองและฟ้องนายใหญ่ฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ในชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบบันทึกคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของนายเล็กเป็นพยานหลักฐานต่อศาล ให้วินิจฉัยว่า ศาลจะรับฟังบันทึกคำให้การของนายเล็กเป็นพยานหลักฐานยันจำเลยทั้งสองได้หรือไม่ ( เนติ 56 )
ก.   ได้ เพราะคำให้การของนายเล็กฯ ไม่ได้เกิดจากบังคับ จูงใจ และก็ไม่มีกฎหมายห้ามรับฟัง
ข.   ได้  เพราะเป็นประจักษ์พยาน
ค.   ไม่ได้  เพราะเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหา
ง.   แล้วแต่ศาลเห็นสมควร เพื่อการยุติธรรม
10.   พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ในชั้นพิจารณาโจทก์อ้างว่าไม่อาจนำเด็กหญิงแดงอายุ 14 ปี ผู้เสียหายมาเป็นพยานศาลได้เนื่องจากเด็กหญิงแดงย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ต่างประเทศไม่อาจติดต่อได้ จึงขออ้างส่งวิดีทัศน์การสอบปากคำเด็กหญิงแดงในชั้นสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนในสถานที่ที่จัดเฉพาะสำหรับเด็กซึ่งมีนักจิตวิทยา มารดาของเด็กหญิงแดงซึ่งเด็กหญิงแดงร้องขอ และพนักงานอัยการเข้าร่วมในการถามปากคำนั้นด้วยเป็นพยานหลักฐานแทน  นอกจากนั้นโจทก์ยังได้นำสืบเด็กหญิงเขียว อายุ 13 ปี โดยศาลให้คู่ความถามพยานปากนี้ผ่านนางใจเย็นนักสังคมสงเคราะห์ ทั้งนี้ศาลไม่ได้ให้เด็กหญิงเขียวและนางใจเย็นปฏิญาณหรือสาบานตนก่อนเช่นนี้ หากจำเลยคัดค้านการนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวว่าต้องห้ามมิให้รับฟังตามกฎหมาย    ให้วินิจฉัยว่า  ศาลจะรับฟังวิดีทัศน์คำให้การของเด็กหญิงแดงในชั้นสอบสวนและคำเบิกความของเด็กหญิงเขียวได้หรือไม่ เพียงใด ( เนติ 56 )
ก.   วิดีทัศน์คำให้การของเด็กหญิงแดงในชั้นสอบสวนรับฟังได้และคำเบิกความของเด็กหญิงเขียวรับฟังได้
ข.   วิดีทัศน์คำให้การของเด็กหญิงแดงในชั้นสอบสวนรับฟังได้และคำเบิกความของเด็กหญิงเขียวรับฟังไม่ได้
ค.   วิดีทัศน์คำให้การของเด็กหญิงแดงในชั้นสอบสวนรับฟังไม่ได้และคำเบิกความของเด็กหญิงเขียวรับฟังได้
ง.   วิดีทัศน์คำให้การของเด็กหญิงแดงในชั้นสอบสวนรับฟังไม่ได้และคำเบิกความของเด็กหญิงเขียวรับฟังไม่ได้
11.   เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 นางเจนซึ่งเป็นชาวต่างชาติร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าถูกคนร้ายชิงทรัพย์เอากล้องถ่ายรูปและเงินดอลลาร์สหรัฐไป โดยมีนายขาวเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าคนร้ายคือนายดำ แต่นางเจนจะต้องเดินทางกลับประเทศตนโดยด่วน พนักงานสอบสวนจึงเสนอเรื่องต่อพนักงานอัยการขอให้ทำคำร้องต่อศาลขอสืบนางเจนเป็นพยานต่อศาลไว้ก่อนฟ้อง ทั้งที่ยังติดตามจับตัวนายดำไม่ได้ ดังนี้พนักงานอัยการจะร้องต่อศาลขอสืบนางเจนไว้ก่อนฟ้องได้หรือไม่ (เนติ 57 )
ก.   ก็สามารถขอสืบนางเจนลับหลังนายดำได้ เพราะไม่มีพยานคนอื่นๆ ตามมาตรา 237 ทวิ
ข.   ก็สามารถขอสืบนางเจนลับหลังนายดำได้ ถือเป็นกรณียกเว้นตามที่มาตรา 237 ทวิ
ค.   ไม่สามารถขอสืบนางเจนลับหลังนายดำได้  เพราะตามมาตรา 237 ทวิ ต้องสืบต่อหน้าจำเลย
ง.   ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข.
12.   ตามข้อ 7. หากต่อมาหลังจากจับตัวนายดำมาฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลแล้ว ปรากฏว่านายขาวประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัสอาจถึงแก่ความตายก่อนวันนัดสืบพยาน พนักงานอัยการจะขอสืบนายขาวเป็นพยานไว้ล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดนัดสืบพยานได้หรือไม่  (เนติ 57 )
ก.   ก็สามารถขอสืบนายขาวเป็นพยานไว้ล่วงหน้าได้ เถือเป็นกรณียกเว้นตามที่มาตรา 173/2 วรรคสองเพราะนายขาวเป็นประจักษ์พยานที่เกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดี
ข.   ก็สามารถขอสืบนายขาวเป็นพยานไว้ล่วงหน้าได้ ถือเป็นกรณียกเว้นตามที่มาตรา 173/2 วรรคสอง และมีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ค.   ไม่สามารถขอสืบนายขาวเป็นพยานไว้ล่วงหน้าไม่ได้  เพราะขัดต่อมาตรา 237 ทวิ ซึ่งนายขาวไม่ใช่บุคคลตามที่กฎหมายระบุ
ง.   ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข.
13.   เจ้าพนักงานตำรวจได้รับรายงานจากสายลับว่า นายหนึ่งมีพฤติกรรมเป็นผู้ค้ายาเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน จึงได้ขอหมายค้นจากศาลและเมื่อศาลอนุมัติแล้ว ได้นำหมายค้นไปค้นบ้านนายหนึ่งปรากฏว่าพบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 200 เม็ดอยู่ในตู้กับข้าวภายในบ้านของนายหนึ่ง เมื่อพบตัวนายหนึ่งเจ้าพนักงานผู้จับกุมจึงได้แจ้งให้ทราบถึงสิทธิต่าง ๆ ตามที่ผู้ถูกจับกุมพึงมีในชั้นจับกุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 และมาตรา 84 ให้นายหนึ่งทราบ แล้วนายหนึ่งรับว่าเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวเป็นของตน และรับว่าตนเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดดังกล่าวจริง เจ้าพนักงานได้บันทึกคำให้การของนายหนึ่งดังกล่าวไว้ในบันทึกการจับกุมและยึดเมทแอมเฟตามีนไว้เป็นของกลาง ต่อมาพนักงานอัยการยื่นฟ้องนายหนึ่งในข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษ ในชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบถ้อยคำที่จำเลยรับสารภาพไว้ในบันทึกการจับกุมและเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นพยานหลักฐานต่อศาลให้วินิจฉัยว่า ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวที่พนักงานอัยการนำสืบต่อศาลได้หรือไม่เพียงใด
ก.   คำรับสารภาพรับฟังไม่ได้  เมทแอมเฟตามีนของกลางรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ข.   คำรับสารภาพ และ เมทแอมเฟตามีนของกลางรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ เพราะมีการแจ้งสิทธิแล้ว
ค.   คำรับสารภาพ  และเมทแอมเฟตามีนของกลางรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้
ง.   คำรับสารภาพรับฟังได้  เมทแอมเฟตามีนของกลางรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้
14.   ก่อนฟ้องคดีต่อศาล พนักงานอัยการได้นำนายเขียวมาศาลและยื่นคำร้องระบุว่านายเขียวเป็นผู้ต้องหาฐานวิ่งราวทรัพย์ของนายโอตะผู้เสียหาย ขอสืบพยานบุคคล ดังต่อไปนี้ไว้ก่อน
(ก) นายโอตะ ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นซึ่งจะรีบเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นยากแก่การนำมาสืบในภายหน้า
(ข) นายมดแดง ประจักษ์พยานคนไทยซึ่งป่วยเป็นโรคเอดส์ขั้นสุดท้ายใกล้ตาย ยากแก่การนำมาสืบในภายหน้า
ศาลสอบผู้ต้องหาแล้วผู้ต้องหาไม่ต้องการทนาย จึงได้ดำเนินการสืบพยานไปโดยศาลไม่ได้ซักถามพยานปากนายโอตะ คงซักถามแต่พยานปากนายมดแดงแทนนายเขียว
ต่อมาพนักงานอัยการได้ฟ้องนายเขียวเป็นจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์ นายเขียวได้ยื่นคำร้องต่อศาลคัดค้านการที่ศาลจะรับฟังคำพยานปากนายโอตะและนายมดแดงที่มีการสืบไว้ก่อนดังกล่าว อ้างว่าการสืบพยานทั้งสองปากฝ่าฝืนต่อกฎหมาย   ท่านเห็นว่าคำคัดค้านของนายเขียวฟังขึ้นหรือไม่เพียงใด(เนติ 51 )
ก.   คำคัดค้านของนายเขียวกรณีนายโอตะฟังไม่ขึ้น  กรณีนายมดแดงไม่ฟังขึ้น
ข.   คำคัดค้านของนายเขียวกรณีนายโอตะฟังขึ้น  กรณีนายมดแดงฟังไม่ขึ้น
ค.   คำคัดค้านของนายเขียวกรณีนายโอตะฟังขึ้น  กรณีนายมดแดงฟังขึ้น
ง.   คำคัดค้านของนายเขียวกรณีนายโอตะฟังไม่ขึ้น  กรณีนายมดแดงฟังขึ้น
15.   ร้อยตำรวจเอกลุยได้รับรายงานจากสายสืบว่านายร้ายมีพฤติการณ์ทำธนบัตรปลอมออกจำหน่าย จึงได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายร้ายโดยไม่มีหมายค้นและพบธนบัตรปลอมฉบับละ 1,000 บาท รวม 5 ฉบับ อยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของนายร้าย ร้อยตำรวจเอกลุยบอกให้นายร้ายรับสารภาพ มิฉะนั้นจะดำเนินคดีแก่ภริยาของนายร้ายด้วย นายร้ายให้การรับสารภาพว่า ตนได้ทำธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ปลอมขึ้นทั้งหมด 100 ฉบับ เก็บไว้เป็นตัวอย่างที่บ้าน 5 ฉบับ ส่วนอีก 95 ฉบับ นำไปซ่อนไว้ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ร้อยตำรวจเอกลุยตามไปตรวจค้นที่ห้องเช่าแห่งนั้น พบธนบัตรปลอมอีก 95 ฉบับ ตามที่นายร้ายบอก จึงยึดธนบัตรปลอมทั้งหมดเป็นของกลางและจับกุมนายร้ายส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีฐานปลอมเงินตรา ในชั้นสอบสวนนายร้ายกลับให้การปฏิเสธความผิดทั้งหมด ต่อมาพนักงานอัยการฟ้องนายร้ายเป็นจำเลยในข้อหาปลอมเงินตรา และนำสืบร้อยตำรวจเอกลุยให้เบิกความถึงคำรับสารภาพของนายร้ายในชั้นจับกุม รวมทั้งนำสืบธนบัตรปลอมทั้งส่วนที่ค้นได้ที่บ้านพักของนายร้ายและส่วนที่ค้นได้ที่ห้องเช่าอีก 95 ฉบับเป็นวัตถุพยานด้วย    ให้วินิจฉัยว่า ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้หรือไม่(เนติ 50 )
ก.   คำรับสารภาพของนายร้ายในชั้นจับกุมรับฟังไม่ได้ เพราะเกิดจากการขู่เข็ญ
ข.   คำรับสารภาพของนายร้ายในชั้นจับกุมรับฟังไม่ได้ เพราะขัดต่อ ป.วิ.อาญา มาตรา 84 วรรรค 4
ค.   คำรับสารภาพของนายร้ายในชั้นจับกุมรับฟังได้
ง.   ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
16.   ตามข้อ 11 พนักงานอัยการนำสืบธนบัตรปลอมทั้งส่วนที่ค้นได้ที่บ้านพักของนายร้ายและส่วนที่ค้นได้ที่ห้องเช่าอีก 95 ฉบับเป็นวัตถุพยานด้วย ให้วินิจฉัยว่า ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้หรือไม่(เนติ 50 )
ก.   รับฟังได้ เพราะเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นและมีอยู่ก่อนแล้ว
ข.   รับฟังไม่ได้ เพราะเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นจากการค้นมิชอบด้วยกฎหมาย
ค.   รับฟังไม่ได้ เพราะเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นจากการขู่เข็ญ
ง.   รับฟังได้ เฉพาะเงินตรา 95 ฉบับที่ค้นได้ที่ห้องเช่า เพราะเป็นการค้นโดยชอบด้วยกฎหมาย
17.   พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์นำสืบได้ความว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยยิงผู้ตาย แต่โจทก์ก็มีนายแดงเห็นจำเลยนั่งรถยนต์ไปกับผู้ตายก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ นายขาวเห็นจำเลยขับรถยนต์ออกมาจากที่เกิดเหตุ และนายดำพบผู้ตายถูกยิงนอนอยู่ ผู้ตายบอกนายดำว่าถูกจำเลยยิง ขอให้ไปบอกมารดาด้วยว่าตนจะต้องตาย ผู้ตายถึงแก่ความตายระหว่างทาง นายดำบันทึกคำบอกเล่าของผู้ตายไว้ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุ คำให้การมีรายละเอียดต่าง ๆ ถึงมูลเหตุที่กระทำความผิด เหตุการณ์ก่อนวันเกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ จำเลยนำสืบอ้างฐานที่อยู่ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน คงมีแต่พยานบอกเล่ายังเป็นที่สงสัยรับฟังไม่ได้ โจทก์อุทธรณ์ว่าพยานโจทก์รับฟังลงโทษจำเลยตามฟ้องได้   ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นหรือไม่ (เนติ 48 )
ก.   พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้  แต่อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ข.   พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้  อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
ค.   พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้  อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ง.   พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้  อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
18.   พยานมีกี่ประเภท
ก.   2   ประเภท
ข.   3   ประเภท
ค.   4   ประเภท
ง.   5   ประเภท
19.   ในคดีอาญาโจทก์จะอ้างจำเลยเป็นพยานได้หรือไม่
ก.   ได้เฉพาะในชั้นสอบสวน
ข.   ได้  แต่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล
ค.   ไม่ได้
ง.   ไม่ได้ เฉพาะในชั้นศาล
20.   จำเลยในคดีอาญา จะอ้างโจทก์เป็นพยานได้หรือไม่
ก.   ได้ 
ข.   ได้  แต่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล
ค.   ไม่ได้
ง.   ไม่ได้ เฉพาะในชั้นศาล
21.   จำเลยในคดีอาญา จะอ้างตนเองเป็นพยานได้หรือไม่
ก.   ได้ 
ข.   ได้  แต่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล
ค.   ไม่ได้
ง.   ไม่ได้ เฉพาะในชั้นศาล
22.   ในคดีอาญา ถ้าหาต้นฉบับเอกสารมาเป็นพยานไม่ได้  จะดำเนินการอย่างไร
ก.   ใช้สำเนาที่รับรองว่าถูกต้องแทน
ข.   ใช้พยานบุคคลที่รู้ข้อความก็อ้างเป็นพยานได้
ค.   ต้องใช้ต้นฉบับเท่านั้น
ง.   ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
 23.   ศาลได้ออกหมายเรียกไปยังหน่วยราชการแห่งหนึ่ง ให้ส่งหนังสือราชการมาเป็นพยานในคดี  ซึ่งหน่วยราชการดังกล่าวได้ปฏิเสธไม่ยอมส่งต้นฉบับให้   แต่ได้ส่งสำเนาที่เจ้าหน้าที่รับรองว่าถูกต้องไปแทน  ขอทราบว่าหน่วยราชการดังกล่าวสามารถกระทำได้หรือไม่
ก.   ได้ เพราะสามารถใช้สำเนาแทนได้
ข.   ได้  เพราะเป็นเอกสารของทางราชการ
ค.   ไม่ได้  ต้องส่งเอกสารต้นฉบับตามหมายเรียกเท่านั้น
ง.   ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
24.   เมื่อมีการอ้างเอกสารใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล ให้ศาลดำเนินการอย่างไรถึงจะถูกต้อง
ก.   อ่านหรือส่งให้คู่ความตรวจดู
ข.   สำเนาให้คู่ความแกฝ่ายหนึ่ง
ค.   สั่งให้ฝ่ายที่อ้างนั้นส่งสำเนาแก่อีกฝ่ายหนึ่งตามที่เห็นสมควร
ง.   ถูกทุกข้อ
25.   ผู้ชำนาญการพิเศษ  ถือเป็นพยานในคดีใด
ก.   คดีอาญา
ข.   คดีแพ่ง
ค.   คดีไม่มีข้อพิพาท
ง.   คดีปกครอง
26.   ผู้ชำนาญการพิเศษเมื่อทำความเห็นเป็นหนังสือเสนอศาลแล้ว  ต้องมาเบิกความประกอบหนังสือนั้นหรือไม่
ก.   ไม่ต้องมาบิกความ
ข.   ไม่ต้องมาเบิกความ ถ้าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งยอมรับ
ค.   ต้องมาเบิกความประกอบหนังสือ
ง.   แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร
27.    ตามข้อ 24  ให้ส่งสำเนาหนังสือความเห็นดั่งกล่าวแล้วแก่คู่ความทราบเมื่อใด
ก.   ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวันก่อนวันเบิกความ
ข.   ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าห้าวันก่อนวันเบิกความ
ค.   ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันเบิกความ
ง.   ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบวันก่อนวันเบิกความ
28.   การที่ศาลไม่พิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด ศาลใช้หลักดุลพินิจในเรื่องใด
ก.   ใช้หลักการกล่าวหา
ข.   ใช้หลักการไต่สวน
ค.   ใช้หลักการพิสูจน์ความจริง
ง.   ใช้หลักวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน
29.   ในกรณีเมื่อจำเป็นศาลมีอำนาจไปเดินเผชิญสืบพยานได้เอง   หากจะมอบอำนาจให้บุคคลใดไปเดินเผชิญสืบแทนก็ได้
ก.   ศาลที่รับประเด็นจากศาลเดิม
ข.   จ่าศาล
ค.   พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ
ง.   ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
30.   คำถามใด ที่พยานไม่ต้องตอบคำถาม
ก.   เป็นคำถามซึ่งโดยตรงหรืออ้อม อาจจะทำให้เขาถูกฟ้องคดีอาญา
ข.   เป็นคำถามของโจทก์
ค.   เป็นคำถามของจำเลย
ง.   เป็นคำถามของศาล
มาตรา 93 การอ้างเอกสารเป็นพยานนั้นให้ยอมรับฟังได้แต่ต้นฉบับเอกสารเท่านั้น เว้นแต่
(1) เมื่อคู่ความที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายตกลงกันว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องแล้ว จึงให้ศาลยอมรับฟังสำเนาเช่นว่านั้นเป็นพยานหลักฐานแห่งเอกสารนั้นได้
(2) ถ้าต้นฉบับเอกสารหาไม่ได้ เพราะสูญหาย หรือถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัย หรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่น ศาลจะอนุญาตให้นำสำเนาหรือพยานบุคคลมาสืบก็ได้
(3) ต้นฉบับเอกสารที่อยู่ในความอารักขาหรือในความควบคุมของทางราชการนั้น จะนำมาแสดงได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตของรัฐมนตรี หัวหน้ากรม กอง หัวหน้าแผนกหรือผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนั้น ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณีเสียก่อนอนึ่ง นอกจากศาลจะได้กำหนดเป็นอย่างอื่น สำเนาเอกสาร หรือข้อความที่คัดจากเอกสารเหล่านั้น ซึ่งรัฐมนตรี หัวหน้ากรม กอง หัวหน้าแผนกหรือผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนั้น ๆ ได้รับรองถูกต้องแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันเพียงพอในการที่จะนำมาแสดง
มาตรา 94 เมื่อใดมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังพยานบุคคลในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ แม้ถึงว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ยินยอมก็ดี
(ก) ขอสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร เมื่อไม่สามารถนำเอกสารมาแสดง
(ข) ขอสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อได้นำเอกสารมาแสดงแล้วว่า ยังมีข้อความเพิ่มเติมตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นอยู่อีก
แต่ว่าบทบัญญัติแห่งมาตรานี้ มิให้ใช้บังคับในกรณีที่บัญญัติไว้ในอนุมาตรา (2) แห่งมาตรา 93 และมิให้ถือว่าเป็นการตัดสิทธิคู่ความในอันที่จะกล่าวอ้างและนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่า พยานเอกสารที่แสดงนั้นเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือสัญญาหรือหนี้อย่างอื่นที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ หรือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด
มาตรา 95 ห้ามมิให้ยอมรับฟังพยานบุคคลใดเว้นแต่บุคคลนั้น
(1) สามารถเข้าใจและตอบคำถามได้ และ
(2) เป็นผู้ที่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็นพยานนั้นมาด้วยตนเองโดยตรง แต่ความในข้อนี้ให้ใช้ได้ต่อเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายโดยชัดแจ้งหรือคำสั่งของศาลว่าให้เป็นอย่างอื่น
ถ้าศาลไม่ยอมรับไว้ซึ่งคำเบิกความของบุคคลใด เพราะเห็นว่าบุคคลนั้นจะเป็นพยานหรือให้การดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ และคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องร้องคัดค้านก่อนที่ศาลจะดำเนินคดีต่อไป ให้ศาลจดรายงานระบุนามพยาน เหตุผลที่ไม่ยอมรับและข้อคัดค้านของคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องไว้ ส่วนเหตุผลที่คู่ความฝ่ายคัดค้านยกขึ้นอ้างนั้น ให้ศาลใช้ดุลพินิจจดลงไว้ในรายงานหรือกำหนดให้คู่ความฝ่ายนั้นยื่นคำแถลงต่อศาลเพื่อรวมไว้ในสำนวน
มาตรา 97 คู่ความฝ่ายหนึ่ง จะอ้างคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเป็นพยานของตนหรือจะอ้างตนเองเป็นพยานก็ได้
มาตรา 99 ถ้าศาลเห็นว่า จำเป็นที่จะต้องตรวจบุคคล วัตถุ สถานที่ หรือตั้งผู้เชี่ยวชาญตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 129 และ 130 เมื่อศาลเห็นสมควรไม่ว่าการพิจารณาคดีจะอยู่ในชั้นใดหรือเมื่อมีคำขอของคู่ความฝ่ายใดภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 87 และ 88 ให้ศาลมีอำนาจออกคำสั่งกำหนดการตรวจหรือการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเช่นว่านั้นได้
บทบัญญัติแห่งมาตรานี้ไม่ตัดสิทธิของคู่ความในอันที่จะเรียกบุคคลผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาเป็นพยานฝ่ายตนได้ 
หมวด 2
ว่าด้วยการมาศาลของพยานและ
การซักถามพยาน
มาตรา 112 ก่อนเบิกความ พยานทุกคนต้องสาบานตนตามลัทธิศาสนาหรือจารีตประเพณีแห่งชาติของตน หรือกล่าวคำปฏิญาณว่าจะให้การตามสัตย์จริงเสียก่อน ยกเว้นแต่บุคคลต่อไปนี้
(1) บุคคลที่มีอายุต่ำกว่าสิบสี่ปี หรือหย่อนความรู้สึกผิดและชอบ
(2) พระภิกษุและสามเณรในพุทธศาสนา
(3) บุคคลซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าไม่ต้องให้สาบาน
มาตรา 114 ห้ามไม่ให้พยานเบิกความต่อหน้าพยานอื่นที่จะเบิกความภายหลัง และศาลมีอำนาจที่จะสั่งพยานอื่นที่อยู่ในห้องพิจารณาให้ออกไปเสียได้
แต่ถ้าพยานคนใดเบิกความโดยได้ฟังคำพยานคนก่อนเบิกความต่อหน้าตนมาแล้ว และคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งอ้างว่าศาลไม่ควรฟังคำเบิกความเช่นว่านี้ เพราะเป็นการผิดระเบียบ ถ้าศาลเห็นว่าคำเบิกความเช่นว่านี้เป็นที่เชื่อฟังได้ หรือมิได้เปลี่ยนแปลงไปโดยได้ฟังคำเบิกความของพยานคนก่อน หรือไม่สามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้ ศาลจะไม่ฟังว่าคำเบิกความเช่นว่านี้เป็นผิดระเบียบก็ได้
มาตรา 115 พระภิกษุสามเณรในพุทธศาสนา แม้มาเป็นพยานจะไม่ยอมเบิกความหรือตอบคำถามใด ๆ ก็ได้
มาตรา 117 คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานชอบที่จะตั้งข้อซักถามพยานได้ในทันใดที่พยานได้สาบานตนและแสดงตนตามมาตรา 112 และ 116 แล้ว หรือถ้าศาลเป็นผู้ซักถามพยานก่อน ก็ให้คู่ความซักถามได้ต่อเมื่อศาลได้ซักถามเสร็จแล้ว
เมื่อคู่ความฝ่ายที่ต้องอ้างพยานได้ซักถามพยานเสร็จแล้วคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งชอบที่จะถามค้านพยานนั้นได้
เมื่อได้ถามค้านพยานเสร็จแล้ว คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานชอบที่จะถามติงได้
เมื่อได้ถามติงพยานเสร็จแล้ว ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายใดซักถามพยานอีกเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ถ้าคู่ความฝ่ายใดได้รับอนุญาตให้ถามพยานได้ดังกล่าวนี้ คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งย่อมถามค้านพยานได้อีกในข้อที่เกี่ยวกับคำถามนั้น
คู่ความที่ระบุพยานคนใดไว้ จะไม่ติดใจสืบพยานคนนั้นก็ได้ในเมื่อพยานคนนั้นยังมิได้เบิกความตามข้อถามของศาล หรือของคู่ความฝ่ายที่อ้าง แต่ถ้าพยานได้เริ่มเบิกความแล้ว พยานอาจถูกถามค้านหรือถามติงได้
ถ้าพยานเบิกความเป็นปรปักษ์แก่คู่ความฝ่ายที่อ้างตนมาคู่ความฝ่ายนั้นอาจขออนุญาตต่อศาลเพื่อซักถามพยานนั้นเสมือนหนึ่งพยานนั้นเป็นพยานซึ่งคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งอ้างมา
การซักถามพยานก็ดี การซักค้านพยานก็ดี การถามติงพยานก็ดี ถ้าคู่ความคนใดได้ตั้งทนายความไว้หลายคน ให้ทนายความคนเดียวเป็นผู้ถาม เว้นแต่ศาลจะเห็นสมควรเป็นอย่างอื่น 
มาตรา 118 ในการที่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานจะซักถามพยานก็ดีหรือถามติงพยานก็ดี ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายนั้นใช้คำถามนำ เว้นแต่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งยินยอมหรือได้รับอนุญาตจากศาล
ในการที่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานจะถามติงพยาน ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายนั้นใช้คำถามอื่นใดนอกจากคำถามที่เกี่ยวกับคำพยานเบิกความตอบคำถามค้าน
ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ห้ามไม่ให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถามพยานด้วย
(1) คำถามอันไม่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี
(2) คำถามที่อาจทำให้พยาน หรือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุคคลภายนอกต้องรับโทษทางอาญา หรือคำถามที่เป็นหมิ่นประมาทพยาน เว้นแต่คำถามเช่นว่านั้นเป็นข้อสาระสำคัญในอันที่จะชี้ขาดข้อพิพาท
ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถามพยานฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งมาตรานี้เมื่อศาลเห็นสมควร หรือเมื่อคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งร้องคัดค้าน ศาลมีอำนาจที่จะชี้ขาดว่าควรให้ใช้คำถามนั้นหรือไม่ ในกรณีเช่นนี้ ถ้าคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องคัดค้านคำชี้ขาดของศาลก่อนที่ศาลจะดำเนินคดีต่อไป ให้ศาลจดไว้ในรายงานซึ่งคำถามและข้อคัดค้าน ส่วนเหตุที่คู่ความคัดค้านยกขึ้นอ้างนั้น ให้ศาลใช้ดุลพินิจจดลงไว้ในรายงาน หรือกำหนดให้คู่ความฝ่ายนั้นยื่นคำแถลงเป็นหนังสือเพื่อรวมไว้ในสำนวน
มาตรา 120 ถ้าคู่ความฝ่ายใดอ้างว่าคำเบิกความของพยานคนใดที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งอ้าง หรือที่ศาลเรียกมาไม่ควรเชื่อฟัง โดยเหตุผลซึ่งศาลเห็นว่ามีมูล ศาลอาจยอมให้คู่ความฝ่ายนั้นนำพยานหลักฐานมาสืบสนับสนุนข้ออ้างของตนได้แล้วแต่จะเห็นควร
หมวด 3
การนำพยานเอกสารมาสืบ
มาตรา 127 เอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นหรือรับรอง หรือสำเนาอันรับรองถูกต้องแห่งเอกสารนั้น และเอกสารเอกชนที่มีคำพิพากษาแสดงว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องนั้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสาร
ภาค 2
วิธีพิจารณาในศาลชั้นต้น
ลักษณะ 1
วิธีพิจารณาสามัญในศาลชั้นต้น
มาตรา 177 เมื่อได้ส่งหมายเรียกและคำฟ้องให้จำเลยแล้วให้จำเลยทำคำให้การเป็นหนังสือยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวัน
ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก
ให้ศาลตรวจดูคำให้การนั้นแล้วสั่งให้รับไว้ หรือให้คืนไปหรือสั่งไม่รับตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18
บทบัญญัติแห่งมาตรานี้ ให้ใช้บังคับแก่บุคคลภายนอกที่ถูกเรียกเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดตามมาตรา 57(3) โดยอนุโลม

1. ก   2. ง   3.ข   4.ง   5.ก   6.ง   7.ง   8.ก    9.ก   10.ก   11.ข  12.ง   13.ก   14.ง   15.ง   16.ก   17.ง   18.ข   19.ค   20.ก
21.ก   22.ง  23.ค  24.ก  25.ก  26.ค   27.ก  28.ง   29.ง   30.ก  31.

สั่งซื้อที่

ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์ สนใจสั่งซื้อมาที่ โทร 085-0127724  Line : testthai1
สามารถนำไปปริ้นเพื่นอ่านได้เลย ในราคาเพียงส่ชุดละ 399 บาท  ได้รับภายใน 2-3 ชม.
ส่ง EMS ทางไปรษณีย์ เป็นหนังสือ +MP3  ราคา 679 บาท ได้รับภายใน 2-3 วัน
กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ
เลขที่บัญชี 491-2-00428-2 
ธ.กสิกรไทย  
ออมทรัพย์ ชื่อบัญชี decho pragay

ผลงานการสอบได้ของลูกค้า 
ติดตามข่าวการสอบราชการที่  https://www.facebook.com/testthai1
ดาวน์โหลดแนวข้อสอบรับราชการที่นี่  www.ข้อสอบงานราชการไทย.com

จำหน่ายเอกสารแนวข้อสอบรับราชการ   085-0127724
decho ออฟไลน์
ระดับ: ผู้ดูแลระบบ
รายละเอียดผู้ใช้ 
11111
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้
กด "Ctrl+Enter" เพื่อตั้งกระทู้ได้