๑) ใจความสำคัญอยู่ต้นย่อหน้า
ความแตกต่างของมนุษย์และสัตว์อีกประการหนึ่งที่เห็นเด่นชัด คือเรื่องของการใช้ภาษา มนุษย์สามารถถ่ายทอดความรู้ความคิดออกมาเป็นตัวเขียน คือ เป็นภาษาหนังสือสำหรับให้ผู้อื่นอ่านและเข้าใจตรงตามที่ต้องการ แต่สัตว์ใช้ได้แต่เสียงเท่านั้นในการสื่อสาร แม้แต่เสียงหลายท่านก็ยังมีความเห็นว่าสัตว์จะทำเสียงเพื่อแสดงความรู้สึก เช่น โกรธ หิว เจ็บปวด เท่านั้น เสียงของสัตว์ไม่อาจสื่อความหมายได้ละเอียดลออเท่าภาษาพูดของมนุษย์
๒) ใจความสำคัญอยู่ท้ายย่อหน้า
ภายในวงงานศิลปะประเภทหนึ่งๆ มีรูปแบบของศิลปะนั้นแยกออกไป จิตรกรรมก็มีการวาดและระบายสีบนฝาผนัง วาดเป็นเส้นบนกระดาษ วาดและระบายเป็นภาพเล็กเป็นภาพใหญ่เป็นรูปคนรูปภูมิประเทศและอื่นๆ วรรณคดีก็เข้าในลักษณะนี้ รูปแบบของวรรณคดีไทยก็มีหลายแบบ ถ้านับวรรณคดีต่างประเทศทั่วโลกก็มีรูปแบบเกือบจะนับไม่ถ้วน คุณภาพของวรรณคดีขึ้นอยู่กับรูปแบบจะมีความดีหรือความบกพร่องภายในวงของรูปแบบแต่ละรูปแบบ การพิจารณาวรรณคดีจึงเป็นไปตามรูปแบบแต่ละรูปๆ นั้น
๓) ใจความสำคัญอยู่กลางย่อหน้า
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า การที่จะเป็นผู้ฟังที่ดีได้นั้นจะต้องมีการฝึกฝนจนเรียนรู้ ฉะนั้นครูจึงเป็นผู้ที่มีโอกาสดีกว่าคนอื่นๆ ในการฝึกนิสัยการฟังที่ดีให้แก่เยาวชนที่จะเป็นผู้นำของชาติในอนาคตครูไม่ควรมองข้ามความสำคัญของการฟังไป ควรระลึกไว้เสมอว่า การฟังมีความสำคัญเท่าๆ กับการพูด การอ่านและการเขียน ถ้าผู้ฟังรู้จักฟังแล้วการฟังก็จะมีประโยชน์มาก แต่ถ้าผู้ฟังไม่รู้จักการฟัง ผู้ฟังก็จะไม่ได้รับผลอะไรเลย แต่ในทางตรงกันข้ามบางครั้งก็อาจจะมีโทษอันร้ายแรงเกิดขึ้นอีกด้วย
(
๔) ใจความสำคัญอยู่ต้นและท้ายย่อหน้า
ศิลปวัฒนธรรมในบ้านเมืองเรามักจะสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ตัวอย่างบางคนชอบปลูกไม้ดอกไม้ผล เมื่อเกิดดอกออกผลก็ชื่นใจ เกิดความคิดที่จะทำดอกผลนั้นให้งดงามน่าดูยิ่งขึ้น จึงมีผู้นำผลไม้มาประดิษฐ์ลวดลาย แล้วจัดวางในภาชนะให้มองดูแปลกตาน่ารับประทานลวดลายนั้นเกิดจากการตัด ผ่า ปอก คว้านและแกะสลัก ส่วนไม้ดอกที่ออกดอก ก็นำมาผูกมัดเป็นช่อบ้าง เป็นพวงเป็นพู่บ้าง เสียบเป็นพุ่มหรือปักลงในแจกันก็ได้ตามแต่จะเห็นงาม ชีวิตชาวไทยกับศิลปะความงามจึงแยกกันไม่ออก
๔.).ประโยคใจความสำคัญที่ไม่อยู่ในเนื้อเรื่อง
เมื่อพิจารณาถึงการแปล หากผู้แปลไม่ระมัดระวังเรื่องสำนวนโวหารตามแบบฉบับของไทย หรือตามแบบฉบับของภาษาต่างประเทศที่ประสงค์จะแปลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาษาธรรมดาหรือภาษากฎหมาย มักจะเป็นผลทำให้ภาษาที่แปลผิดความมุ่งหมายไป ผู้เขียนเห็นว่าการแปลที่จะให้ได้ทั้งเนื้อความและอรรถรสเหมือนตั้งฉบับนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะภาษาแต่ละภาษามีลีลา มีแบบแห่งการผูกประโยค และจัดลำดับคำของตนเอง ฉะนั้น ในบางกรณีการถอดความซึ่งหมายความถึงการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นในสารถะให้ตรงตามต้นฉบับ และมีอรรถรสเหมือนต้นฉบับ โดยไม่ต้องเคร่งคัดในเรื่องการแปลคำต่อคำ ประโยคต่อประโยคนั้น ย่อมเป็นผลดีกว่าการแปลโดยตรง
ใจความสำคัญที่ผู้เขียนต้องการสื่อ คือ การถอดความให้ผลดีกว่าการแปลโดยตรง