11. ข้อพิพาทแรงงานเกิดขึ้นในกรณีใด
ก. ไม่มีการเจรจากันภายในกำหนด
ข. มีการเจรจากันแต่ตกลงกันไม่ได้ว่าด้วยเหตุใด
ค. ฝ่ายแจ้งข้อเรียกร้องไม่ประสงค์ที่จะเจรจาต่อไป
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
12. ในกรณีที่ไม่มีการเจรจากันภายในกำหนดหรือมีการเจรจากันแล้วแต่ตกลงกันไม่ได้ว่าด้วยเหตุใดให้ฝ่ายแจ้งข้อเรียกร้องแจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานประนอมข้อข้อพิพาทแรงงานทราบภายในระยะเวลาเท่าใด
ก. 48 ชั่วโมง ข. 24 ชั่วโมง
ค. 3 วัน ง. 7 วัน
ตอบ ข. 24 ชั่วโมง
13. เมื่อพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้รับแจ้งข้อพิพาทแรงงาน ให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานดำเนินการไกล่เกลี่ยเพื่อให้ฝ่ายแจ้งข้อเรียกร้องและฝ่ายรับข้อเรียกร้องตกลงกันภายในกำหนดกี่วันนับแต่วันที่พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้รับหนังสือแจ้ง
ก. 5 วัน ข. 3 วัน
ค. 10 วัน ง. 7 วัน
ตอบ ก. 5 วัน
14. ในกรณีที่นายจ้างและลูกจ้างเกิดข้อพิพาทกันและตกลงกันได้ฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างต้องทำอย่างไร
ก. ทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้เข้าร่วมในการเจรจาของทั้งสองฝ่าย
ข. ทำข้อตกลงกันโดยวาจาและมีพยานของทั้งสองฝ่ายในการเจรจา
ค. นายจ้างต้องนำข้อตกลงไปประกาศให้ลูกจ้างซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องทราบ
ง. ถูกทั้ง ก และ ค
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ค
15. จากข้อ 14 นายจ้างต้องนำข้อตกลงไปประกาศให้ลูกจ้างซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องทราบ
โดยเริ่มประกาศภายในกี่วัน และปิดประกาศไว้เป็นเวลากี่วัน
ก. ประกาศภายใน 1 วัน และ ปิดประกาศไว้เป็นเวลา 30 วัน
ข. ประกาศภายใน 2 วัน และ ปิดประกาศไว้เป็นเวลา 30 วัน
ค. ประกาศภายใน 3 วัน และ ปิดประกาศไว้เป็นเวลา 60 วัน
ง. ประกาศภายใน 3 วัน และ ปิดประกาศไว้เป็นเวลา 30 วัน
ตอบ ง. ประกาศภายใน 3 วัน และ ปิดประกาศไว้เป็นเวลา 30 วัน
16. จากข้อ 15 นายจ้างมีหน้าที่ต้องนำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้นไปจดทะเบียนต่อใคร
ก. อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ข. ปลัดกระทรวงแรงงาน
ค. อธิบดีกรมการจัดหางาน
ง. รองปลัดกระทรวงแรงงาน
ตอบ ก. อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
17. จากข้อ 16 นายจ้างต้องนำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้นไปจดทะเบียนภายในเวลากี่วัน
ก. 15 วัน ข. 30 วัน
ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ก. 15 วัน
18. ในกรณีที่ไม่สามารถตกลงกันได้ภายใน 5 วัน กฎหมายให้ถือสถานการณ์หลังจากกี่วัน ว่ามี "ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้" เกิดขึ้น
ก. 1 วัน ข. 5 วัน
ค. 4 วัน ง. 6 วัน
ตอบ ข. 5 วัน
19. เมื่อมีข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้เกิดขึ้นจะมีขั้นตอนที่ดำเนินการต่อไปตามข้อใด
ก. ตามประเภทงานของลูกจ้าง ข. ตามประเภทกิจการของนายจ้าง
ค. ถูกทั้ง ก และ ข ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ข. ตามประเภทกิจการของนายจ้าง
20. ในกรณีถ้ากิจการของนายจ้างเป็นกิจการสำคัญต้องดำเนินการระงับข้อพิพาทแรงงานต่อไปตามขั้นตอนที่กำหนดแต่ต้องไม่ปฏิบัติอย่างไร
ก. นายจ้างจะปิดงานไม่ได้ ข. ลูกจ้างจะนัดหยุดงานไม่ได้
ค. นายจ้างและลูกจ้างหยุดงานชั่วคราว ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข
21. เมื่อมีข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้กิจการใดที่นายจ้างหรือลูกจ้างจะนัดหยุดงานไม่ได้เนื่องจากทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนเป็นส่วนใหญ่
ก. การรถไฟ ข. การท่าเรือ
ค. การไฟฟ้า ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ (กิจการที่นายจ้างหรือลูกจ้างจะนัดหยุดงานไม่ได้คือกิจการที่เป็นสาธารณูปโภคหรือกิจการที่เป็นบริการสาธารณะ)
22. ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ในกิจการสำคัญได้ถูกกำหนดไว้ในบทบัญญัติมาตราใด
ก. มาตรา 21 ข. มาตรา 18
ค. มาตรา 23 ง. มาตรา 26
ตอบ ค. มาตรา 23
23. การฟ้องคดีเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนหรือเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจะต้องฟ้องโดยตั้งข้อกล่าวหาขอให้วินิจฉัยถึงความไม่ชอบของคำวินิจฉัยอย่างไร
ก. วินิจฉัยไปโดยไม่มีอำนาจหรือโดยกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้
ข. วินิจฉัยโดยปราศจากพยานหลักฐานหรือเหตุผลเพียงพอ หรือวินิจฉัยไปโดยขัดแย้งต่อพยานหลักฐาน
ค. วินิจฉัยไปโดยไม่สุจริต
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
24. คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เมื่อได้รับคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมแล้วจะต้องชี้ขาดข้อพิพาทแรงงงานนั้นภายในเวลากี่วันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง
ก. 60 วัน ข. 10 วัน
ค. 45 วัน ง. 30 วัน
ตอบ ง. 30 วัน
25. เมื่อมีการฝ่าฝืนมาตรา ๑๒๑ มาตรา ๑๒๒ หรือมาตรา ๑๒๓ ผู้เสียหายเนื่องจากการฝ่าฝืนอาจยื่นคำร้องกล่าวหาผู้ฝ่าฝืนต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้ภายในกี่วันนับแต่วันที่มีการฝ่าฝืน
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 15 วัน ง. 90 วัน
ตอบ ข. 60 วัน