เเนวข้อสอบ พรบ.ระเบียบบริหารราชการเเผ่นดิน
แนวข้อสอบพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 7 พ.ศ. (2550)
.....................................................
1. ข้อใดเป็นหลักการในการบริหารราชการตาม พรบ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไข เพิ่มเติม
ก. เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ข. เพื่อลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น
ค. เพื่อกระจายอำนาจตัดสินใจ ง. ข้อ ก. และ ข.
จ. ข้อ ก. , และ ค. ถูก
2. พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ 2534 ได้วางแนวทางการจัดสรรงบประมาณและการบรรจุแต่งตั้ง บุคคลเข้าดำรงตำแหน่ง หรือปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ. จะต้องเป็นไปตามหลักการใด
ก. ความยุติธรรม ข. ความเสมอภาค
ค. ความเท่าเทียมกัน ง. ความมีประสิทธิภาพ
จ. ถูกทุกข้อ
3. การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินมีรูปแบบใด
ก. กระทรวง ทบวง กรม ข. จังหวัด อำเภอ
ค. จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ง. ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น
จ. ก และ ข
4. การกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือน ของส่วนราชการต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จะต้องคำนึงถึง
ก. ภารกิจที่รับผิดชอบ ข. ประสิทธิภาพของส่วนราชการ
ค. คุณภาพและปริมาณของส่วนราชการนั้น ๆ ง. ก และ ค
จ. ถูกทุกข้อ
5. ข้อใดเป็นการบริหารราชการส่วนกลาง
ก. กระทรวง
ข. ทบวง
ค. ส่วนราชการที่ชื่อเรียกอย่างอื่นมีฐานะเป็นกรม แต่ไม่ได้สังกัดกระทรวงหรือทบวง
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
6. ส่วนราชการใด ไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล
ก. สำนักนายกรัฐมนตรี ข. ทบวง ซึ่งสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ค. กรมซึ่งไม่สังกัดกระทรวง ง. ข้อ ก. และข้อ ค. แล้วแต่กรณี
จ. ทุกข้อมีฐานะเป็นนิติบุคคล
7. โดยทั่วไปการจัดการจัดตั้ง การรวม การโอน กระทรวง ทบวง กรม จะต้องตราเป็นกฎหมายในลำดับใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกำหนด
ค. พระราชกฤษฎีกา ง. กฎกระทรวง
จ. ระเบียบกระทรวง 8. ข้อใดผิด
ก. การโอนส่วนราชการเข้าด้วยกันถ้าไม่มีการกำหนดตำแหน่งหรืออัตรากำลังของส่วนราชการหรือลูกจ้าง เพิ่มขึ้นให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
ข. ให้สำนักงานข้าราชการพลเรือน และสำนักงานพัฒนาระบบราชการมีหน้าที่การตรวจสอบดูแลมิให้ส่วน ราชการที่มีพระราชกฤษฎีกาให้รวมหรือโอนเข้าด้วยกัน กำหนดตำแหน่งหรืออัตรากำลังของข้าราชการ หรือลูกจ้างเพิ่มจนกว่าจะครบสามปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้
ค. การเปลี่ยนชื่อส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
ง. การยุบส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกระทรวงให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
จ. ข้อ ข. และ ง.
9. หน่วยงานใดมีหน้าที่ในการตรวจสอบดูแล ส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ มิให้มีการกำหนดตำแหน่งหรือ อัตรากำลังของข้าราชการหรือลูกจ้างเพิ่มขึ้นจนกว่าจะครบสามปี
ก. สำนักงานพัฒนาระบบราชการ ข. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ค. สำนักงบประมาณ ง. ข้อ ก. ข. และ ค.
จ. ข้อ ข. และ ค.
10. หากกรมการปกครอง จะเปลี่ยนชื่อเป็นกรมการความมั่นคงภายใน จะต้องตราเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกำหนด ง. กฎกระทรวง
จ. ระเบียบกระทรวง
11. กรณีที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หมดความจำเป็น หากต้องการที่จะยุบกรมดังกล่าว จะต้องตราเป็น กฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติๆ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกำหนด ง. กฎกระทรวง
จ. ระเบียบกระทรวง
12. การแบ่งส่วนราชการภายในกรม จะต้องตราเป็นกฎหมายข้อใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกำหนด ง. กฎกระทรวง
จ. ระเบียบกระทรวง
13. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับการยุบเลิกกรม
ก. จัดทำเป็นพระราชกฤษฎีกา
ข. ให้งบประมาณรายจ่ายที่เหลืออยู่ของกรมนั้นตกเป็นงบกลาง
ค. ทรัพย์สินอื่นของกรมนั้นให้โอนแก่ส่วนราชการอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา
ง. ข้าราชการหรือลูกจ้างซึ่งต้องพ้นจากราชการเพราะเหตุยุบตำแหน่งให้ได้รับเงินชดเชย
จ. ข้อ ข. และ ค.
14. หน่วยงานใดมีหน้าที่เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี ให้แบ่งส่วนราชการภายในของกรมการปกครอง
ก. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ข. กระทรวงมหาดไทย
ค. สำนักงานพัฒนาระบบราชการ ง. สำนักงบประมาณ
จ. ข้อ ก. และ ข.
15. บุคคลใดเป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายเป้าหมาย และผลสำฤทธิ์ของงานในสำนักนายกรัฐมนตรี
ก. นายกรัฐมนตรี ข. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
จ. ข้อ ก. ข. และ ค. ถูก
16. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีตาย ขาดคุณสมบัติ ต้องคำพิพากษาให้จำคุก หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็น รัฐมนตรีของนายกสิ้นสุดลงในระหว่างที่รอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามารับหน้าที่นั้น คณะรัฐมนตรีชุดเดิม จะต้องทำอย่างไร
ก. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ข. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
ค. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ง. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี
จ. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งปฏิบัติราชการแทนแล้วแต่กรณี 17. อำนาจนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล กำหนดไว้ในมาตราใดและมีกี่ข้อ
ก. ม. 8 11 ข้อ ข. ม. 11 ข้อ
ค. ม.10 10 ข้อ ง. ม.11 9 ข้อ
จ. ม.11 11 ข้อ
18. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
ก. สั่งให้ราชการส่วนกลางรายงานการปฏิบัติราชการ
ข. สั่งให้ราชการส่วนภูมิภาคชี้แจงแสดงความคิดเห็น
ค. สั่งให้ราชการส่วนท้องถิ่นรายงานการปฏิบัติราชการ
ง. สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนท้องถิ่น
ง. ค. และ ง. กล่าวผิด
19. กรณีจำเป็นนายกรัฐมนตรีสามารถยังยั้งการปฏิบัติราชการของหน่วยงานใดบ้าง หากหน่วยงานนั้น ปฏิบัติ ราชการขัดต่อนโยบายของรัฐบาล
ก. ราชการส่วนกลาง ข. ราชการส่วนภูมิภาค
ค. ราชการส่วนท้องถิ่น ง. เฉพาะข้อ ก. และ ข.
จ. ยับยั้งได้ทั้ง ก. ข. และ ค.
20. นายกรัฐมนตรีสามารถยับยั้งการปฏิบัติราชการของส่วนราชการท้องถิ่นได้ในกรณีใด
ก. ไม่สามารถยับยั้งเป็นอิสระของราชการส่วนท้องถิ่นตามหลักการปกครองตนเอง
ข. ยับยั้งได้หากราชการส่วนท้องถิ่นกระทำการก่อให้เกิดความเสียหายต่อท้องถิ่น
ค. กรณีที่ราชการส่วนท้องถิ่นปฏิบัติราชการต่อนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรี
ง. ข้อ ข. และ ค.
จ. ข้อ ก. และ ค.
21. ข้อใดมิได้เป็นอำนาจการบังคับของนายกรัฐมนตรี
ก. มีอำนาจบังคับบัญชาปลัดกระทรวงมหาดไทย
ข. มีอำนาจบังคับบัญชาปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ค. มีอำนาจบังคับบัญชาผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูก
จ. ไม่มีข้อถูก
22.ข้อใดผิด
ก. นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้ข้าราชการกรมการปกครองมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ขาด จากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม
ข. นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้ข้าราชการกระทรวงคมนาคม มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดย อัตราเงินเดือนไม่ขาดจากทางสังกัดเดิม
ค. แต่งตั้งรองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง โดยให้รับ เงินเดือนจากกรมการปกครอง
ง. แต่งตั้งอธิบดีกรมทางหลวงชนบทไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี
จ. ไม่มีข้อใดผิด
23. ระเบียบปฏิบัติราชการที่นายกรัฐมนตรีได้วางขึ้น เพื่อการบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยรวดร็วและมี ประสิทธิภาพตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินกำหนดให้มีผลใช้บังคับเมื่อใด
ก. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ข. เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว
ค. มีผลบังคับใช้ทันทีที่นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลลงนามในคำสั่ง
ง. มีผลบังคับตามที่ระบุไว้ในระเบียบ
จ. มีผลบังคับใช้ตามวันที่ระบุไว้ในระเบียบ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
24. บุคคลตามข้อใด เป็นข้าราชการเมือง
ก. เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข. รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร
ค. รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ง. ข้อ ก. และ ค. ถูก
จ. ข้อ ก ข และ ค
25. สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องใด
ก. ราชการทางการเมือง ข. ราชการของรัฐสภา
ค. ราชการในพระองค์ ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
จ. ถูกทุกข้อ
26. บุคคลตามข้อใดต่อไปนี้อาจเป็นข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการพลเรือนสามัญก็ได้
ก. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ข. รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ค. ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ง. ข้อ ข. และ ค.
จ. ไม่มีข้อใดถูก
27. ข้อใดมิใช่อำนาจของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ก. รับผิดชอบควบคุมราชการประจำในสำนักนายกรัฐมนตรี
ข. รับผิดชอบกำหนดแนวทางและแผนปฏิบัติราชการของสำนักนายกรัฐมนตรี
ค. เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการสูงสุดของส่วนราชการในสำนักนายกรัฐมนตรียกเว้นข้าราชการของส่วนราชการซึ่งหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
ง. เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
จ. ทุกข้อเป็นอำนาจของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สั่งซื้อที่
ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์ สนใจสั่งซื้อมาที่ โทร 085-0127724 Line : testthai1 สามารถนำไปปริ้นเพื่นอ่านได้เลย ในราคาเพียงส่ชุดละ 399 บาท ได้รับภายใน 2-3 ชม. ส่ง EMS ทางไปรษณีย์ เป็นหนังสือ +MP3 ราคา 679 บาท ได้รับภายใน 2-3 วัน กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ เลขที่บัญชี 491-2-00428-2 ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ ชื่อบัญชี decho pragay
[font=arial ]ผลงานการสอบได้ของลูกค้า ติดตามข่าวการสอบราชการที่ https://www.facebook.com/testthai1 ดาวน์โหลดแนวข้อสอบรับราชการที่นี่ www.ข้อสอบงานราชการไทย.com
|