แนวข้อสอบ ประมวลกฎหมายอาญา พร้อมเฉลย
1. นางดาวทำร้ายร่างกายนายเดือนจนได้รับอันตรายแก่กาย พันตำรวจโทเอกชัย พนักงานสอบสวน จึงจับกุมนางดาวเป็นผู้ต้องหาในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย นางดาวกลัวจะติดคุกจึงขอให้พันตำรวจโทเอกชัย พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเจ้าของคดีช่วยเหลือตนโดยเสนอเงินให้ห้าแสนบาท เพื่อเป็นค่าทำพยานหลักฐานให้อ่อนช่วยนางดาวให้พ้นผิด ทำให้พันตำรวจโทเอกชัยโกรธจึงแกล้งเปลี่ยนข้อหาเป็นพยายามฆ่าผู้อื่นแล้วทำสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องเสนอพนักงานอัยการ ต่อมาพนักงานอัยการได้พิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานไม่พอฟ้องให้ศาลลงโทษ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนางดาว ให้วินิจฉัยว่า นางดาวและพันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ56) ก. นางดาวมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามป.อาญา มาตรา 167 พันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ ตามป.อาญา มาตรา 200 วรรคสอง ข. นางดาวมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามป.อาญา มาตรา 167 พันตำรวจโทเอกชัย ไม่มีความผิด เพราะข้อหาไม่ใช่ฐานความผิด ค. นางดาวไม่มีความผิดฐานฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน เพราะไม่ได้มอบเงินให้จริง ๆ พันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ ตามป.อาญา มาตรา 200 วรรคสอง ง. ไม่มีผู้ใดกระทำความผิด 2. นายใหญ่ตระเตรียมวางแผนฆ่านายอ้วน โดยจะใช้อาวุธปืนสองกระบอกของตน แต่อาวุธปืนที่จะใช้ในการฆ่าได้ถูกคนร้ายลักไปก่อนโดยนายใหญ่ไม่ทราบ นายเล็กต้องการให้นายอ้วนตายเช่นกัน จึงแอบเอาอาวุธปืนของตนไปไว้ที่บ้านนายใหญ่โดยประสงค์ให้นายใหญ่ใช้ยิงนายอ้วนโดยนายเล็กไม่รู้ว่าอาวุธปืนกระบอกนั้นมีผู้แอบเอากระสุนออกจนหมดแล้ว นายน้อยต้องการให้นายอ้วนตายเช่นกัน จึงเอาอาวุธปืนของตนไปไว้ที่บ้านนายใหญ่โดยประสงค์ให้นายใหญ่ใช้ยิงนายอ้วน ต่อมานายใหญ่เห็นอาวุธปืนทั้งสองกระบอกของนายเล็กและนายน้อยวางอยู่ นายใหญ่เข้าใจว่าเป็นอาวุธปืนสองกระบอกของตน นายใหญ่ได้หยิบอาวุธปืนของนายเล็กและเมื่อพบนายอ้วนได้ใช้อาวุธปืนกระบอกนั้นจ้องเล็งจะยิงนายอ้วน ให้วินิจฉัยว่า นายใหญ่ นายเล็กและนายน้อยมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ56) ก. การที่นายใหญ่ผิดฐานพยายามฆ่านายอ้วน นายเล็กและนายน้อยผิดฐานผู้สนับสนุน ข. การที่นายใหญ่ผิดฐานพยายามฆ่านายอ้วน นายเล็กและนายน้อยไม่ผิดฐานผู้สนับสนุน ค. การที่นายใหญ่ผิดฐานพยายามฆ่านายอ้วนเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายเล็กผิดฐานผู้สนับสนุน ส่วนนายน้อยไม่มีความผิด ง. นายเล็กและนายน้อยผิดฐานผู้สนับสนุนเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ นายเล็กและนายน้อยผิดฐานผู้สนับสนุน
3. นายชมว่าจ้างนายชิตให้ไปฆ่านายใส นายชิตตกลงทำตาม แต่ก่อนที่จะไปฆ่า นายชิตเกิดป่วยกะทันหัน นายชิตจึงไปว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทนตน เมื่อนายชื่นจ้องเล็งปืนจะยิงนายใส นายชมเกิดสำนึกผิดจึงวิ่งเข้ามายังที่เกิดเหตุและปัดปืน ทำให้ปืนตกลงไปในน้ำ ให้วินิจฉัยว่า นายชื่น นายชิต นายชม ต้องรับผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ56) ก. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิตผิดฐานผู้ใช้ นายชม ไม่มีความผิด ข. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิตไม่มีความผิด นายชม ผิดฐานผู้ใช้ ค. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิตผิดฐานผู้ใช้รับโทษเช่นตัวการ นายชม ผิดฐานผู้ใช้รับโทษเพียงหนึ่งในสาม ง. นายชื่นผิดฐานพยายามฆ่า นายชิต และนายชม ผิดฐานผู้ใช้รับโทษเพียงหนึ่งในสาม
4. นายแดงเป็นคนไทยอยู่ต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจเป็นภาษาอังกฤษที่สถานทูตไทย ให้นายดำไปดำเนินการให้เช่าที่ดินของตนที่อยู่ในประเทศไทย แต่นายดำไม่สามารถหาผู้เช่าได้ มีแต่ผู้ต้องการซื้อ นายดำจึงได้ดำเนินการขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้นายเขียวโดยแปลหนังสือมอบอำนาจของนายแดงเป็นภาษาไทย โดยเพิ่มเติมข้อความในคำแปลว่า นายแดงมอบอำนาจให้นายดำดำเนินการขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้ด้วย แล้วนำหนังสือมอบอำนาจฉบับภาษาอังกฤษและคำแปลภาษาไทยไปยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขาย เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินสอบถาม นายดำก็ให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า นายแดงมอบอำนาจให้นายดำให้เช่าหรือขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้ เจ้าพนักงานที่ดินได้จดถ้อยคำดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานและดำเนินการจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายที่ดินให้โดยให้นายดำลงลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายด้วยจากนั้นนายดำได้ส่งเงินค่าขายที่ดินทั้งหมดให้นายแดงให้วินิจฉัยว่า นายดำมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่ (เนติ56) ก. นายดำผิดฐานปลอมเอกสาร และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ข. นายดำผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ค. นายดำผิดฐานปลอมเอกสาร แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ง. นายดำผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
5. ระหว่างที่นายกบกับนายเขียดเดินเล่นอยู่ในสวนจตุจักร นายกบเหลือบไปเห็นนายปลาทำนาฬิกาหล่นจึงรีบเดินเข้าไปเก็บ โดยนายเขียดไม่คาดคิดมาก่อนว่านายกบจะทำเช่นนั้น ส่วนนายปลาเมื่อเดินไปได้ไม่ไกลทราบว่านาฬิกาหล่นหายไปจึงเดินกลับมายังจุดที่นายกบและนายเขียดยืนอยู่ เมื่อนายกบเห็นนายปลาเดินกลับมาจึงได้ส่งนาฬิกาให้นายเขียดนำออกไปจากบริเวณนั้น เมื่อนายปลาเดินมาถึงสอบถามว่านายกบเห็นนาฬิกาหรือไม่ นายกบตอบว่าไม่เห็น แล้วมองตามหลังนายเขียดไป นายปลาเชื่อว่านายเขียดเอานาฬิกาไป จึงวิ่งตามไปร้องตะโกนว่า "ขโมย ๆ" นายเขียดจึงชกปากนายปลาอย่างแรงแล้วหนีไป ปรากฏว่านายปลาปากแตก ฟันหักสี่ซี่ ให้วินิจฉัยว่า นายกบและนายเขียดมีความผิดฐานใดบ้าง (เนติ56) ก. นายกบผิดฐานยักยอกทรัพย์ นายเขียดผิดฐานรับของโจรและทำร้ายร่างกายสาหัส ข. นายกบผิดฐานยักยอกทรัพย์ นายเขียดผิดฐานรับของโจรและชิงทรัพย์ ค. นายกบผิดฐานลักทรัพย์ นายเขียดผิดฐานรับของโจรและทำร้ายร่างกายสาหัส ง. นายกบและนายเขียดผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ นายเขียดผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัสอีกด้วย
6. ขณะที่เด็กชายตุ๋ยอายุ 5 ปี กำลังวิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าในบริเวณรั้วบ้านของนางระเบียบซึ่งเป็นมารดา นายสังเวชซึ่งประสบภาวะการขาดทุนทางการค้าได้เข้าไปอุ้มเด็กชายตุ๋ยไปโดยเด็กชายตุ๋ยยอมไปด้วย จากนั้นนายสังเวชโทรศัพท์ไปถึงนางระเบียบมารดาของเด็กชายตุ๋ย ให้นำเงิน 500,000 บาทใส่ถุงกระดาษไปวางไว้ ณ โบสถ์แห่งหนึ่ง เมื่อได้รับเงินแล้วจะนำตัวเด็กชายตุ๋ยไปส่งคืน นางระเบียบจำเสียงนายสังเวชได้แต่ก็ตอบตกลงและนำเงินไปส่งมอบ ณ สถานที่นัดไว้ เมื่อได้ตัวเด็กชายตุ๋ยคืนมาแล้ว จึงนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับนายสังเวชได้พร้อมกับเงินของกลางให้วินิจฉัยว่า นายสังเวชมีความผิดฐานใดบ้าง (เนติ56) ก. นายสังเวชผิดฐานเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์ และบุกรุก ข. นายสังเวชผิดฐานเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์ ค. นายสังเวชผิดฐานพยายามเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์ และบุกรุก ง. นายสังเวชผิดฐานพยายามเรียกค่าไถ่ , พรากผู้เยาว์
7. นายต้นถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา นายต้นกลัวว่า ศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุก จึงไปปรึกษานายส่งซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว ทำหน้าที่เก็บสำนวนคดีอยู่ที่ศาลนั้นซึ่งรู้จักกันมาก่อน นายส่งได้พูดว่ารู้จักผู้พิพากษาในคดีที่นายต้นถูกฟ้อง เคยเสนอสำนวนให้ท่านพิจารณา หากนายต้นให้เงินตน 100,000 บาท ก็จะขอให้ศาลพิพากษารอการลงโทษแก่นายต้น แต่นายส่งมิได้ระบุชื่อผู้พิพากษา นายต้นจึงมอบเงินจำนวน 100,000 บาท แก่นายส่ง ต่อมาศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายต้น นายต้นจึงทราบว่านายส่งมิได้วิ่งเต้นให้ตนเลย เพราะนายส่งไม่เคยรู้จักผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เหตุที่นายส่งแอบอ้างเพราะเข้าใจว่าคดีประเภทนี้ศาลมักจะรอการลงโทษอยู่แล้ว นายต้นจึงไปต่อว่านายส่งว่าทำให้ตนเสียหายต้องโทษจำคุกและขอเงินคืน นายส่งอ้างว่ามิได้กระทำความผิดแต่อย่างใดและไม่ยอมคืนเงิน 100,000 บาทให้ ให้วินิจฉัยว่า นายส่งจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ และเงินจำนวน 100,000 บาท จะริบได้หรือไม่ (เนติ57) ก. นายส่งไม่มีความผิดเพราะไม่ได้เรียกรับ และจะริบเงินไม่ได้ ข. นายส่งไม่มีความผิดเพราะไม่ได้เรียกรับ แต่ขอริบเงินได้ เพราะนายส่งไม่มีสิทธิยึดถือไว้ ค. นายส่งมีความผิดฐานเรียกรับเงินเพื่อจูงใจ ม.143 แต่จะขอริบเงินไม่ได้ ง. นายส่งมีความผิดฐานเรียกรับเงินเพื่อจูงใจ ม.143 และขอริบเงินได้
8. นายชมต้องการฆ่านายชัย จึงส่งจดหมายไปถึงนายชิตมือปืนรับจ้างให้ฆ่านายชัย ต่อมานายชมเปลี่ยนใจไม่ต้องการฆ่านายชัยโดยเพียงต้องการทำร้ายเท่านั้น จึงส่งจดหมายอีกฉบับหนึ่งถึงนายชิตมีใจความว่า ขอยกเลิกข้อความในจดหมายฉบับแรกทั้งหมดและให้นายชิตไปคอยดักทำร้ายนายชัย ปรากฏว่าจดหมายฉบับแรกหายกลางทางไปไม่ถึงมือนายชิต แต่นายชิตได้รับจดหมายฉบับที่สอง โดยไม่รู้เรื่องในจดหมายฉบับแรกเลย และได้ไปคอยดักทำร้ายนายชัยตามที่นายชมว่าจ้าง เมื่อนายชัยเดินทางมาถึง นายชิตซึ่งแอบอยู่ก็ตรงเข้าใช้ไม้ตีทำร้ายนายชัย เป็นเหตุให้นายชัยล้มลงศีรษะฟาดพื้นถึงแก่ความตาย ให้วินิจฉัยว่า นายชิตและนายชมมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ57) ก. นายชม ผิดฐานผู้ใช้ทั้งสองครั้ง ครั้งแรกรับโทษหนึ่งในสาม ครั้งสองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย ข. นายชม ไม่ผิดฐานผู้ใช้ในครั้งแรกเพราะนายชิตไม่รู้การใช้ แต่ผิดผู้ใช้ในครั้งที่สองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย ค. นายชมผิดฐานผู้ใช้ทั้งสองครั้ง ครั้งแรกและครั้งสองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย ง. นายชมผิดฐานผู้ใช้ทั้งสองครั้ง ครั้งแรกและครั้งสองรับโทษเท่าตัวการ นายชมผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
9. นายอ้วนกับนายผอมเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อน วันเกิดเหตุนายอ้วนไปท้าทายนายผอมโดยพูดว่า "มึงออกมาต่อยกับกูตัวต่อตัว ถ้าแน่จริง" นายผอมเดินออกจากบ้านไปพบนายอ้วนโดยพกอาวุธปืนสั้นไปด้วย นายอ้วนชักมีดออกมาเพื่อจ้วงแทงนายผอม จึงถูกนายผอมใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงในระยะ 2 เมตร ถูกนายอ้วนที่หน้าอกจำนวน3 นัด นายอ้วนได้รับอันตรายสาหัสให้วินิจฉัยว่า นายผอมมีความผิดฐานใดหรือไม่ และนายผอมจะอ้างเหตุว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทำโดยบันดาลโทสะได้หรือไม่ (เนติ57) ก. นายผอมผิดพยายามฆ่า อ้างป้องกันและบันดาลโทสะไม่ได้ ข. นายผอมผิดพยายามฆ่า อ้างป้องกันได้ แต่อ้างบันดาลโทสะไม่ได้ ค. นายผอมผิดพยายามฆ่า อ้างป้องกันไม่ได้ แต่บันดาลโทสะได้ ง. นายผอมผิดทำร้ายร่างกายสาหัส เพราะมีเจตนาทำร้าย แต่อ้างป้องกันและบันดาลโทสะไม่ได้
10. นายดำเป็นลูกจ้างมีหน้าที่รับและจ่ายเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดแดงก่อสร้าง ซึ่งมีนายแดงเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ นายเขียวลูกหนี้ของห้างฯ สั่งจ่ายเช็คของธนาคารแห่งหนึ่งให้แก่ห้างฯ เพื่อชำระหนี้ โดยนำเช็คไปมอบให้นายดำ นายดำเห็นว่านายแดงไม่อยู่ที่ห้างฯ จึงลงลายมือชื่อของนายดำด้านหลังเช็คแล้วนำตราของห้างฯประทับกำกับลายมือชื่อของนายดำ เพื่อให้พนักงานธนาคารหลงเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อสลักหลังเช็คโดยผู้มีอำนาจกระทำการแทนห้างฯ และจะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่านายดำป่วยจึงไม่ได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินตามที่ตั้งใจไว้ นายดำมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่ (เนติ57) ก. พยายามลักทรัพย์ ข. พยายามฉ้อโกง ค. ปลอมแปลงเอกสาร ง. ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ
11. นายแสบไม่พอใจนายรวยเจ้าหนี้เงินกู้ของตน จึงแอบเข้าไปลักทรัพย์ของนายรวยบริเวณแพริมน้ำซึ่งนายรวยใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แหวนเพชรมาหนึ่งวง ในขณะที่นายแสบจะลงจากแพได้เหลือบไปเห็นเงาคนกำลังแอบดูตนอยู่ นายแสบเชื่อว่าเป็นนายรวยและจำตนได้ เพราะตรงบริเวณนั้นมีแสงสว่างจากดวงไฟ แม้จะเป็นคืนข้างแรมก็ตาม เมื่อนายแสบกลับถึงบ้านแล้ว จึงทราบว่าเป็นแหวนของตนเอง ที่จำนำไว้แก่นายรวย นายแสบรู้สึกโกรธและเกรงว่าจะถูกนายรวยแจ้งความ นำเจ้าพนักงานตำรวจมาจับกุมตน จึงได้นำอาวุธปืนไปดักซุ่มยิงนายรวยจนถึงแก่ความตายให้วินิจฉัยว่า นายแสบมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ57) ก. ผิดฐานลักทรัพย์ บุกรุก และ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข. ผิดฐาน บุกรุก โกงเจ้าหนี้ และ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ค. ผิดฐานบุกรุก และ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ง. ผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
12. นายชายหลงรักนางสาวหญิง แต่นางสาวหญิงไม่สนใจ คืนวันหนึ่งนายชายเดินผ่านหน้าบ้านนางสาวหญิงเห็นนางสาวหญิงอยู่บ้านคนเดียวจึงเข้าไปหาเพื่อจะลวนลาม นางสาวหญิงตกใจร้องเรียกให้คนช่วย นายชายจึงขู่ไม่ให้ร้อง มิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย นางสาวหญิงกลัวจึงหยุดร้องแต่ในขณะนั้นเองสร้อยข้อมือที่นางสาวหญิงใส่อยู่ขาดตกลงบนพื้นนายชายเห็นสร้อยข้อมือของนางสาวหญิงตก จึงก้มลงหยิบแล้วหลบหนีไปให้วินิจฉัยว่า นายชายมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ57) ก. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ และ ลักทรัพย์ ข. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ และ ชิงทรัพย์ ค. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ , ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และ ลักทรัพย์ ง. ผิดฐานบุกรุกฯ , ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ , ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และ ชิงทรัพย์
13. นายหาญขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปตามถนนพบนายหินเจ้าหนี้เงินกู้ของตนกำลังขับ รถยนต์กระบะอยู่ข้างหน้าโดยบังเอิญ นายหาญเกลียดนายหินซึ่งเป็นนายทุนเงินกู้หน้าเลือด จึงขับรถไล่ตามไปด้วยความเร็วสูงและตั้งใจว่าจะขับรถเบียดชนรถของนายหินให้ตกลงไปในลำคลองข้างถนนเพื่อให้นายหินจมน้ำตายโดยทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ขณะที่รถคันที่นายหาญขับขี่ใกล้จะเบียดชนรถคันที่นายหินขับขี่ ยางรถคันที่นายหาญขับขี่ได้ทับตะปูและระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้รถเสียหลักไม่ชนรถคันที่นายหินขับขี่ แต่ได้แล่นข้ามเกาะกลางถนนไปยังฝั่งตรงกันข้ามพุ่งเข้าชนตึกร้านค้าของนายหวยอย่างแรงจนตัวตึกได้รับความเสียหายอย่างมาก ขณะนั้นนายหวยซึ่งยืนอยู่ที่ระเบียงตึกชั้นสามเห็นเหตุการณ์พอดีและกลัวว่าตึกจะถล่มทำให้ตนตกลงไปถึงแก่ความตาย จึงได้กระโดดลงจากตึกดังกล่าวเป็นเหตุให้ศีรษะของนายหวยกระแทกกับพื้นดินและถึงแก่ความตายทันที หลังจากนั้นอีกสองวันตึกร้านค้าของนายหวยจึงได้ทรุดตัวพังทลายลงมา ให้วินิจฉัยว่านายหาญจะมีความผิดฐานต่อกรณีนายหิน หรือไม่ (อัยการ48) ก. ไม่ต้องรับผิดฐานใด เพราะยังไม่ได้ลงมือกระทำผิด ข. ไม่ต้องรับผิดฐานใด เพราะยังไม่เกิดความเสียหายต่อนายหิน ค. รับผิดฐานฐานฆ่าผู้อื่น แต่ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของตึกร้านค้า เพราะเป็นอุบัติเหตุ ง. รับผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและพยายามทำให้เสียทรัพย์ 14. ตามข้อที่แล้ว ให้วินิจฉัยว่านายหาญจะมีความผิดฐานต่อกรณีนายหวย หรือไม่ (อัยการ48) ก. ไม่ต้องรับผิดฐานใด เพราะเป็นกรณีอุบัติเหตุ ข. ไม่ต้องรับผิดกรณีความตายของนายหวย แต่รับผิดในความเสียหายของตึกร้านค้าของนายหวย ค. รับผิดฐานพยายามทำให้เสียทรัพย์ ง. รับผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามทำให้เสียทรัพย์ 15. นายโทนประสงค์จะฆ่านายฉิ่ง แต่ไม่กล้าที่จะทำด้วยตนเอง และรู้ว่านายฉาบเป็นคนโมโหร้ายและหึงหวงภรรยา นายโทนจึงไปหานายฉาบและกล่าวเท็จว่าภรรยานายฉาบเป็นชู้กับนายฉิ่ง โดยหวังว่านายฉาบคงจะโกรธแล้วไปฆ่านายฉิ่ง เมื่อนายฉาบรู้เรื่องเท็จที่นายโทนเล่าให้ฟังจึงโกรธนายฉิ่งและต้องการฆ่านายฉิ่ง แต่นายฉาบไม่มีอาวุธปืนจึงไปเล่าเจตนาที่จะฆ่านายฉิ่งให้นายกลองฟัง และขอยืมอาวุธปืนของนายกลอง นายกลองต้องการให้นายฉิ่งตกใจกลัวจึงมอบอาวุธปืนและกระสุนปืนปลอมให้นายฉาบไป โดยไม่ได้บอกเรื่องกระสุนปืนปลอมให้นายฉาบรู้ นายฉาบเข้าใจว่าเป็นอาวุธปืนและกระสุนปืนจริง จึงนำอาวุธปืนและกระสุนปืนปลอมดังกล่าวไปยิงนายฉิ่ง กระสุนปืนถูกนายฉิ่ง แต่นายฉิ่งไม่ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจแต่อย่างใด เพียงแต่ตกใจและรู้สึกกลัว ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่านายโทน นายฉาบ นายกลอง จะมีความผิดฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด (อัยการ48) สั่งซื้อที่
ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์ สนใจสั่งซื้อมาที่ โทร 085-0127724 Line : testthai1 สามารถนำไปปริ้นเพื่นอ่านได้เลย ในราคาเพียงส่ชุดละ 399 บาท ได้รับภายใน 2-3 ชม. ส่ง EMS ทางไปรษณีย์ เป็นหนังสือ +MP3 ราคา 679 บาท ได้รับภายใน 2-3 วัน กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ เลขที่บัญชี 491-2-00428-2 ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ ชื่อบัญชี decho pragay
ผลงานการสอบได้ของลูกค้า ติดตามข่าวการสอบราชการที่ https://www.facebook.com/testthai1 ดาวน์โหลดแนวข้อสอบรับราชการที่นี่ www.ข้อสอบงานราชการไทย.com
|