ขอแนวข้อสอบพนักงานพัฒนาสังคม ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
ชุมชน หมายถึง ชุมชนแออัด ชุมชนชานเมือง เคหะชุมชน หมู่บ้านจัดสรร และชุมชนเมืองที่กรุงเทพมหานครกำหนดขึ้น ทั้งนี้โดยทำเป็นประกาศกรุงเทพมหานคร 1 ชุมชนแออัด หมายถึง ชุมชนส่วนใหญ่ที่มีอาคารหนาแน่น ไร้ระเบียบและชำรุดทรุดโทรม ประชาชนอยู่อย่างแออัด มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมอันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย โดยให้ถือเกณฑ์ความหนาแน่นของบ้านเรือนอย่างน้อย 15 หลังคาเรือนต่อพื้นที่ 1 ไร่ 2 ชุมชนชานเมือง หมายถึง ชุมชนที่กรุงเทพมหานครได้จัดทำเป็นประกาศกำหนดชุมชน โดยมีพื้นที่ดำเนินการด้านเกษตรกรรมในเขตกรุงเทพมหานครรอบนอกเป็นส่วนใหญ่ มีบ้านเรือนไม่แออัด แต่ขาดการวางแผนทางด้านผังชุมชน เช่น ทางระบายน้ำ ทางเดินเท้า เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา น้ำท่วมขัง การสัญจรไปมาของประชาชนในชุมชน 3 ชุมชนหมู่บ้านจัดสรรหมายถึง ชุมชนที่มีบ้านจัดสรรที่เป็นที่อยู่อาศัย และดำเนินการในภาคเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีลักษณะบ้านเป็นบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณ ทาวเฮาส์ ตึกแถว หรือบ้านแฝด สภาพทั่วไปควรจะต้องมีการพัฒนา เช่น ทางระบายน้ำ ขยะ ทางเท้า ซึ่งกรุงเทพมหานครพิจารณาถึงความต้องการของประชาชนและความเหมาะ สมในการที่จะเข้าไปดำเนินการพัฒนา ซึ่งจะได้จัดทำเป็นประกาศกำหนดชุมชน 4 เคหะชุมชน หมายถึง ชุมชนที่ได้รับการจัดตั้งดำเนินการและดูแลโครงการโดยการเคหะแห่งชาติ มีสภาพเป็นแฟลต และกรุงเทพมหานครเข้าไปดำเนินการ ในด้าน ทางระบายน้ำ ขยะ ทางเท้า เศรษฐกิจ สังคม อนามัยและอื่น ๆ 5 ชุมชนเมือง หมายถึง ชุมชนที่มีความหนาแน่นของบ้านน้อยกว่าชุมชนแออัด กล่าวคือน้อยกว่า 15 หลัง ต่อ 1 ไร่ แต่มีความหนาแน่นของจำนวนบ้านมากกว่าชุมชนชานเมือง และกรุงเทพมหานครได้จัดทำประกาศกำหนดเป็นชุมชน โดยที่ชุมชนดังกล่าวไม่เป็นชุมชนตามที่กล่าวมาในข้ออื่น ๆ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ประวัติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชโดยทรงเริ่มดำเนินงานพัฒนา และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2503 เป็นต้นมาโดยมีพระราชดำริให้ดำเนินการสำรวจรวบรวมปลูกดูแลรักษา พรรณพืชต่างๆที่หายากและกำลังจะหมดไป ต่อมาในปี พ.ศ.2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ทรงสานพระราชปณิธานต่อโดยมีพระราชดำริ กับนายแก้วขวัญ วัชโรทัยเลขาธิการพระราชวัง ให้ดำเนินการอนุรักษ์พืชพรรณของประเทศ โดยพระราชทานให้ โครงการส่วนพระองค์ฯ สวนจิตรลดาเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างธนาคารพืชพรรณขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2536เป็นต้นมา การดำเนินงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯในระยะที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน มีหน่วยงานต่างๆร่วมสนองพระราชดำริเพิ่มมากขึ้นเมื่อวันที่31ธันวาคม2544ได้พระราชทานพระราชดำริกับเลขาธิการ ปร.ณวังไกลกังวลอ.หัวหินจ.ประจวบคีรีขันธ์สรุปความว่า“ขอให้สำนักงานกปร.และโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯร่วมกันจัดทำแผนแม่บทเพื่อใช้เป็นกรอ บในการดำเนินงานโดยไม่ควรขยายพื้นที่ดำเนินงานออกไปมาก ” ดังนั้นโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสม เด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี(อพ.สธ.)และสำนักงานคณะ กรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำ นักงาน กปร.) จึงได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจัดทำ “แผนแม่บท โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ระยะที่ 5 ปีที่สาม(ตุลาคม2545กันยายน2549” ขึ้นเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯกทม. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯของ กทม. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงมีคำสั่ง กทม.ที่ 974/2526 แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ขึ้น
วัตถุประสงค์ เพื่อให้การอนุรักษ์พันธุกรรมพืชบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว จึงได้กำหนดเป้าหมายไว้ดังนี้ 1. สร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชน เกษตรกร ประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่กทม.ได้มีความรู้ความ เข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติพันธุกรรมพืชเกิดความรู้สึกหวงแหน และ ร่วมกันรักษาไว้ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน 2. จัดทำระบบฐานข้อมูลพันธุกรรมพืช และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช พันธุ์ไม้โบราณและ พันธุ์ไม้ที่มีชื่อเสียงของ กทม. เพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าข้อมูลแก่เยาวชน ประชาชนผู้สนใจ 3. สร้างสวนพฤกษศาสตร์เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์พืชปกปักรักษาพันธุ์ ไม้และเป็นแหล่งตัวอย่าง พันธุ์พืชเพื่อศึกษาค้นคว้าเพื่อน้อมถวายฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนม์มายุครบ 50 พรรษาในปี พ.ศ.2548 การอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯในแผนแม่บทขอ ง กทม. ได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ดังนี้ 1. เพื่อสนองพระราชดำริโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจาก พระราชดำริฯ 2. เพื่อเทอดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนม์มายุครบ 50 พรรษาในปี พ.ศ.2548 3. เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติพันธุ์ไม้โบราณและพันธุ์ไม้ที ่มีชื่อเสียงของ กทม. รวมทั้งการขยายพันธุ์พืชให้คงอยู่สืบไป 4. เพื่อเป็นแหล่งให้เยาวชน ประชาชนผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้าพันธุกรรมพืชและใช้ประโยชน์ทางการศึกษาพันธุกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. เพื่อปลูกฝังให้เด็ก เยาวชน และประชาชนมีจิตสำนึกในการปกปักษ์รักษาอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อมูลกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง กรุงเทพมหานคร กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เป็นนโยบายของรัฐบาลที่สำคัญในการต่อสู้กับปัญหา ความยากจนของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยรัฐบาลจัดตั้งกองทุนละ 1 ล้านบาท ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ลดรายจ่ายและ บรรเทาเหตุฉุกเฉิน และความเดือนร้อนจำเป็นเร่งด่วน 2. เพื่อส่งเสริมและพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเมือง ให้มีขีดความสามารถในการจัดระบบและบริหารจัดการเงินกองทุน 3. เพื่อเสริมสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเองของหมู่บ้านและชุมชนเมือง ในด้านการเรียนรู้การ สร้างและพัฒนาความคิดริเริ่ม และเสริมสร้างศักยภาพทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชน ในหมู่บ้านและชุมชนเมือง
แนวทางการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองของกรุงเทพมหานค ร กรุงเทพมหานคร ได้เริ่มดำเนินการตามนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ของรัฐบาล ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2544 เป็นต้นมา ซึ่งนับจนถึงปัจจุบันถือได้ว่ามีผลการดำเนินงานดีมีความก้าว หน้ามาเป็นลำดับ สามารถสรุปแนวทาง ขั้นตอนและผลการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว ได้ดังนี้ ขั้นตอนการดำเนินการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองของกรุง เทพมหานคร การดำเนินการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองของกรุงเทพมหาน คร แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับเขต 1. เผยแพร่ข่าวสารและประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้แก่ประชาชนเพื่อ เป็นการเตรียมความพร้อมของประชาชนในการจัดตั้งกองทุนชุมชนเมือง 2. สนับสนุนการเปิดเวทีชาวบ้าน เพื่อเลือกคณะกรรมการกองทุนชุมชนเมือง โดยการเปิดเวทีชาวบ้าน จะต้องมีองค์ประกอบ 3 ใน 4 ครัวเรือน ของชุมชน และคณะกรรมการกองทุนฯ จะต้องมีจำนวน ไม่น้อยกว่า 9 คน และไม่เกิน 15 คน 3. คณะกรรมการกองทุนชุมชนเมือง จัดทำร่างระเบียบข้อบังคับกองทุน และขอขึ้นทะเบียนกับ ธนาคารออมสินสาขา พร้อมกับเปิดบัญชีธนาคารเพื่อสะสมเงินออมของสมาชิก และรอรับโอน เงินกองทุน 1 ล้านบาท 4. สำนักงานเขต จัดประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับเขต เพื่อประเมินความพร้อมกองทุน ชุมชนเมือง ซึ่งขึ้นทะเบียนกับธนาคารแล้ว ตามข้อ 3 5. เมื่อกองทุนผ่านการประเมินความพร้อมแล้ว สำนักงานเขตรายงานธนาคารออมสินสาขาเพื่อรายงาน ต่อธนาคารออมสินภาค1( ทำหน้าที่ธนาคารออมสินจังหวัดกรุงเทพมหานคร)และแจ้งคณะอนุกรรมก าร ระดับจังหวัดเพื่อพิจารณาประเมินความพร้อมต่อไป ระดับ กทม. 1. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับเขต (50 เขต) ซึ่งมีผู้อำนวยการเขตเป็นประธาน 2. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับจังหวัด ซึ่งมีปลัดกรุงเทพมหานครเป็นประธานและ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาชุมชนเป็นเลขานุการ 3. จัดประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับจังหวัดของกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาประเมิน ความพร้อมกองทุนชุมชนเมืองซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับเขตและแจ้ง คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเพื่อขออนุมัติโอนเงินกองทุน กองทุนพัฒนาชุมชน กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร ได้เริ่มต้นดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองทุนพัฒนาชุมชนใน ปี พ.ศ. 2530 โดยได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เพื่อจัดตั้งกองทุนชุมชน ๆ ละ 7,000 บาท ในโครงการนำร่อง เช่น ชุมชนสุขสวัสดิ์ 29 เขตราษฎร์บูรณะ ชุมชนวัดพระยาทำ ชุมชนวัดใหม่ยายมอญ เขตบางกอกน้อย และชุมชนสงวนทรัพย์ เขตบางพลัด ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสวัสดิการสังคมได้ทดลองขยายผลกิจกรรมกองทุนชุมชน โดยใช้หลักการประสานเงินทุน (MATCHING GRANT) ภายใต้ความร่วมมือจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ให้การสนับสนุนด้านเงินทุน จำนวน 20 ชุมชน ๆ ละ 10,000 บาท และได้กำหนดให้ชุมชนแต่ละแห่งจะต้องมีเงินทุนของชุมชนเป็นส่วนหนึ่ง ประมาณ 10,000 บาท โดยใช้วิธีระดมทุนภายในชุมชนและได้รับการสนับสนุนจากการบริจาคจากการขายสินค้าราคาถูกของพลตรีจำลอง ศรีเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในสมัยนั้น
การดำเนินงานด้านกองทุนชุมชนในระยะเริ่มต้นอยู่ในความรับผิดชอบ ของกองสังคมสงเคราะห์ สำนักสวัสดิการสังคมการให้บริการได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการ บริการชุมชนและการให้การสงเคราะห์เฉพาะหน้าและได้มีการปรับแนวคิดในการทำงานกับชุมชนให้เป็นไปอย่างมีระบบและมีเป้าหมายในการ พัฒนาคนให้ชัดเจนยิ่งขึ้นมีผลทำให้งานสังคมสงเคราะห์กับงานพัฒนาชุมชนเอื้อประโยชน์ต่อกันจนกำหนดรูปแบบการให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์ที่พัฒนาไปสู่แนวคิดการพัฒนาที่พึ่งตนเองได้ของชุมชนโดยผ่านเครื่องมือด้านการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระบบและกระบวนการ
ความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ระหว่างปี 2532-2536 ทำให้จัดตั้งกองทุนชุมชนได้ถึง 60 กองทุน/ชุมชน ซึ่งมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มจำหน่ายสินค้ากลุ่มอาชีพและกลุ่มให้บริการสงเคราะห์
หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ลักษณะของกิจกรรมการใช้จ่ายของกองทุนสรุปได้เป็น 6 ลักษณะ คือ การให้การสงเคราะห์แม่และเด็ก ตลอดจนผู้เดือนร้อนในชุมชน โดยการให้กู้ยืมเงินเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือการให้เปล่ากรณียากไร้ การให้ทุนการศึกษา รวมทั้งการมอบอุปกรณ์เพื่อการเรียนการสอนแก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในชุมชน 1. การให้การสงเคราะห์แม่และเด็ก ตลอดจนผู้เดือนร้อนในชุมชน โดยการให้กู้ยืมเงินเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือการให้เปล่ากรณียากไร้ การให้ทุนการศึกษา รวมทั้งการมอบอุปกรณ์เพื่อการเรียนการสอนแก่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ก่อนวัยเรียนในชุมชน 2. การจัดกิจกรรมปรับปรุงสภาพแวดล้อม ที่อยู่อาศัย และอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาชุมชน เช่น กิจกรรมรักษาความสะอาดคูคลอง / ที่อยู่อาศัย ซื้ออุปกรณ์ดับเพลิง เครื่องกระจายเสียง แผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ เป็นต้น 3. การจัดงานประเพณีประจำท้องถิ่น 4. สวัสดิการผู้แทนชุมชน เช่น ค่ารักษาพยาบาลกรรมการชุมชน กรณีเร่งด่วน ค่าเลี้ยงดู ผู้รับรอง ผู้เยี่ยมชมกิจกรรมชุมชน 5. ส่งเสริมกิจกรรมเยาวชน 6. สนับสนุนการประกอบอาชีพของประชาชนในชุมชน เช่น การให้ยืมทุนซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ฝึกหัดการประกอบอาชีพ
การดำเนินงานด้านกองทุนชุมชนในระยะเริ่มแรก ได้รับการสนับสนุนทางด้านวิชาการ จากชุมชนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน แห่งประเทศไทยและการให้การสนับสนุนด้านเงินทุนจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ได้สิ้นสุดลงตามวาระของโครงการในปี พ.ศ. 2536 ปัจจุบัน คณะกรรมการกองทุนพัฒนาชุมชนกรุงเทพมหานคร ได้อนุมัติให้กองทุนกู้ยืมเงินไปแล้ว 31 สำนักงานเขต รวม 96 กองทุนๆละ 100,000.- บาท รวมเป็นเงิน 9,600,000.- บาท
กองทุนที่ครบกำหนดปลอดนี้ 3 ปี และส่งชำระเงินคืนกองทุนพัฒนาชุมชนกรุงเทพมหานคร ในแต่ละปี ดังนี้ ปี 2543 จำนวน 3 กองทุน ปี 2544 จำนวน 7 กองทุน ปี 2545 จำนวน 16 กองทุน ปี 2546 จำนวน 10 กองทุน ปี 2547 จำนวน 19 กองทุน ปี 2548 จำนวน 19 กองทุน
สถิติการกู้ยืมแยกตามประเภทกองทุน 1. ประเภทกลุ่มออมทรัพย์ จำนวน 63 กองทุน 2. ประเภทกลุ่มจำหน่ายสินค้า จำนวน 1 กองทุน 3. ประเภทกลุ่มอาชีพ จำนวน 27 กองทุน 4 . ประเภทกลุ่มให้บริการและสงเคราะห์ จำนวน 5 กองทุน รวม 96 กองทุน
เดือนสิงหาคมเคลื่อนไหวเป็นไปเป็นมา
กิจกรรมทัศนศึกษาศิลปวัฒนธรรม ครั้งที่ 3 สำนักงานการสงเคราะห์และสวัสดิภาพสังคมกำหนดจัดกิจกรรม ”ทัศนศึกษาศิลปวัฒนธรรม” ครั้งที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสศึกษาศิลปวัฒนธรรม ชมสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ตลอกจนสนับสนุนให้กลุ่มผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย สมาชิกผู้สูงอายุ ลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานครจำนวน 70 คน กำหนดจัดกิจกรรมในวันที่ 1 สิงหาคม 2549 ณ หมู่บ้านอนุรักษ์แคลายไทย ตลาดสามซุก วัดป่าเลย์ไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี การศึกษาดูงานเพื่อพัฒนาศักยภาพขององค์กรเครือข่ายและผู้ปฏิบัติงาน สำนักงานการสงเคราะห์และสวัสดิภาพสังคมกำหนดจัดกิจกรรม “การศึกษาดูงานเพื่อพัฒนาศักยภาพ ขององค์กรเครือข่ายและผู้ปฏิบัติงาน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างเครือข่ายการประสานงานใน ระดับปฏิบัติ การส่งต่อผู้เดือดร้อน ระหว่างหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร หน่วยงานภาครัฐ องค์กร เอกชน และชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย อาสาสมัครปฏิบัติงานด้านเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ระดับเขต อาสาสมัครช่วยงานสังคมสงเคราะห์ และผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 140 คน และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน จำนวน 20 คนรวมทั้งสิ้น 160 คน จัดกิจกรรมแบบไป-กลับ ระยะเวลา 1 วัน กำหนดจัดกิจกรรมในวันที่ 4 สิงหาคม 2549 ณ สถานสงเคราะห์คนพิการ การุณยเวศม์และศูนย์ฝึกอาชีพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯครบ 36 พรรษา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี กิจกรรม “เผยแพร่ภูมิปัญญาผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร” สำนักงานการสงเคราะห์และสวัสดิภาพสังคมกำหนดจัดกิจกรรม ”เผยแพร่ภูมิปัญญาผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมและเผยแพร่ภูมิปัญญาผู้สูงอายุที่ สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต กลุ่มเป้าหมายคือผู้สูงอายุจากสำนักงานเขต 50 เขต จำนวน 150 คน กำหนดจัดกิจกรรมในวันที่ 9 ส.ค. 49 ณ ห้องมรกตโรงแรมอินทรารีเจนท์ กิจกรรมสัมมนาและศึกษาดูงานด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรม สำนักงานการสงเคราะห์และสวัสดิภาพสังคมกำหนดจัดกิจกรรม “สัมมนาและศึกษาดูงานด้าน ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาด้านศาสนธรรม และศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้พัฒนาตนเองและมีส่วนร่วมใน กิจกรรมทางสังคม กลุ่มเป้าหมายคือข้าราชการบำนาญกรุงเทพมหานคร จำนวน 70 คน กำหนด จัดกิจกรรมในวันที่ 17 ส.ค. 49 ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี “อบรมอาสาสมัครเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ แนวคิด Home Care แก่ประชาชน” รุ่นที่ 2 สำนักงานการสงเคราะห์และสวัสดิภาพสังคมกำหนดจัดกิจกรรม “อบรมอาสาสมัครเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ แนวคิด Home Care แก่ประชาชน” รุ่นที่ 2 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ กำหนดกลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชนในกรุงเทพมหานคร จำนวน 100 คน จัดกิจกรรมในวันที่ 23-25 ส.ค. 49 ณ โรงแรมปริ้นส์ตัน พาร์ค สวีท เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โครงการเกษตรทฤษฏีใหม่ 1.หลักการและเหตุผล โรงเรียนเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมพัฒนามาใช้ในการอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรโดยให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้ของเกษตรกรการทำงานส่งเสริมตามแนวทางโรงเรียนเกษตรทฤษฎีใหม่ มุ่งเน้นให้เกษตรกรร่วมกันทำการศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเองทำกิจกรรมร่วมกันโดยมีการพบปะกันระหว่างเกษตรกรกับเจ้าหน้าที่เพื่อวิ เคราะห์สถานการณ์ในไร่นาสวนตั้งแต่เริ่มปลูกเพื่อจะได้เรียนรู้ ถึงการเจริญเติบโตของพืชในแต่ละช่วงระยะเวลาการจริญเติบโตแล้วน ำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจจัดการกับพืช ที่ปลูกวิธีการนี้เป็นการฝึกให้เกษตรกรได้มีโอกาสคิดวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตนเองรวมถึงการนำวิธีการที่ได้ผลจากคำแนะนำของ ทางราชการมาใช้ทั้งนี้โดยการช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจาก เจ้าหน้าที่ส่งเสริมซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการหรือผู้อำนวย ความสะดวกในการจัดอบรมโดยสรุปแล้วโรงเรียนเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนว พระราชดำริเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมที่ให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ให้เกษตรกรได้ร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ไข แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสามารถตัดสินได้ด้วยตนเองในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ตั้งแต่ร่วมปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว และหลังเก็บเกี่ยว 2.วัตถุประสงค์ 1. ให้ความสำคัญเกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรมโดยเปิดโอกาสให้ทั้งชายและหญิงได้มี โอกาสเรียนรู้และฝึกปฏิบัติเท่าๆ กัน 2.เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ ให้กับเกษตรกรในกรุงเทพมหานคร และเยาวชนผู้สนใจทั่วๆ ไป รวม 26 เขต 3. เป้าหมายโครงการ เป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ และเทคโนโลยีการเกษตรใหม่ๆ ให้กับเกษตรกรและผู้สนใจทั่วๆ ไป 4 .แนวทางการดำเนินงาน 1. จัดทำศูนย์การเรียนรู้การเกษตรและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำ ริ สำหรับให้เกษตรกรเข้าอบรมฝึกปฏิบัติ 2. กำหนดหลักสูตรให้ความรู้แก่เกษตรกร และผู้สนใจทั่วๆ ไป 3. ดำเนินการตามแผนการฝึกอบรม และศึกษาดูงาน 5 . ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เกษตรกรมีความรู้ตามหลักการทฤษฎีใหม่เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 2. เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และมีรายได้ตลอดทั้งปี ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวันเรียน กรุงเทพมหานคร ความหมายของศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน หมายความว่า สถานที่รับเลี้ยงเด็กและดูแลเด็กอ่อนก่อนวัยเรียน ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนและดำเนินงานในรูปของคณะกรรมการภายใต้การควบคุมดูแลของ คณะกรรมการชุมชนเด็กก่อนวัยเรียน หมายความว่า เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี อาสาสมัคร หมายความว่า บุคคลที่ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาชุมชนในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนฯ ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากผู้อำนวยการเขตศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนที่จัดตั้งขึ้นในชุมชนได้ดำเนินการ ภายใต้ภาวะข้อจำกัดหลายประการเช่นงบประมาณสถานที่คับแคบอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กขาดความรู้ ความเข้าใจใจการอบรมดูแลเด็กแม้จะพบว่ามีหน่วยงานทั้งภาครัฐและ เอกชนเข้ามาสนับสนุนและ มีความส่วนร่วมในการดำเนินงานก็ตามกรุงเทพมหานครก็มิได้นิ่งนอน ใจและพร้อมที่จะให้สนับสนุน การดำเนินงานของศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในชุมชน ตั้งแต่ พ.ศ.2547 เป็นต้นมา ดังนั้น ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในชุมชน จึงเป็นสถานที่รับเลี้ยงและดูแลเด็กในชุมชนด้วยความริเริ่ม และความพร้อมของประชาชนในชุมชนนั้น ๆ ภายใต้การควบคุมดูแลของคณะกรรมการชุมชน โดยมีอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กเป็นกลไกสำคัญที่จะนำบริการทางสังคมไปสู่การพัฒนาตามหลักวิธีการ ทางจิตวิทยาเพื่อเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในชุมชนจักได้รับการพัฒนา ตามควรแก่วัยและมีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การศึกษาในระบบโรงเรียนต่อไป |