แนวข้อสอบตัวแทนประกันชีวิต ใหม่ล่าสุด
1. นาง ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตบริษัท หนึ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงมานาน ทำให้หาลูกค้าได้ง่าย แต่บริษัทนี้ขายกรมธรรม์แบบที่ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยสูงกว่าบริษัท สอง จำกัด นาง ก. ต้องการเป็นตัวแทนประกันชีวิตบริษัท สอง จำกัด ด้วย เนื่องจากมีแบบการประกันภัยที่จ่ายเบี้ยประกันภัยน้อยกว่าบริษัท หนึ่ง จำกัด และนาง ก. ทราบดีว่า บริษัท หนึ่ง จำกัด คงไม่ยินยอมให้เป็นตัวแทนประกันชีวิตบริษัท สอง จำกัด ด้วยดังนั้นจึงชักชวนให้น้องสาวมาสมัครเป็นตัวแทนประกันชีวิตบริษัท สอง จำกัด โดยนาง ก. เป็นผู้ขายประกันชีวิตแทนน้องสาว นาง ก. จะพิจารณาว่าลูกค้ารายใดควรจะทำประกันชีวิตกับบริษัท หนึ่ง จำกัด หรือ บริษัท สอง จำกัด การกระทำของนาง ก. ถูกหรือผิดจรรยาบรรณผู้ประกอบอาชีพตัวแทนประกันชีวิต ก. ถูก เพราะมีความซื่อสัตย์ต่อบริษัทประกันชีวิต ข. ผิด เพราะไม่แจ้งแก่ลูกค้าว่าเป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทใด ค. ถูก เพราะเป็นการตั้งใจให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า เพื่อรักษาผลประโยชน์ของลูกค้า ง. ผิด เพราะขาดความซื่อสัตย์ต่อบริษัทและผู้เอาประกันภัย
2. นาย ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งประพฤติผิดจรรยาบรรณ โดยชักชวนให้เพื่อนชื่อนาย ข. ซึ่งกำลังตกงานเนื่องจาก เศรษฐกิจตกต่ำ มาช่วยขายประกันชีวิตให้ตน โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้า นาย ข. หาลูกค้าได้ 1 ราย ตนจะจ่ายเงินให้ 1,500 บาท หลังจากที่ นาย ข. หาลูกค้าได้ 2-3 ราย ก็เกิดความคิดว่า ถ้าตนเป็นตัวแทนประกันชีวิตก็คงจะได้รับผลตอบแทนมากกว่านี้ จึงสอบเข้าเป็นตัวแทนประกันชีวิต บริษัทเดียวกับ นาย ก. โดยไม่ได้บอกให้นาย ก. รู้ เมื่อนาย ก. มีลูกค้าประสงค์จะทำประกันชีวิต นาย ก. ก็ให้ นาย ข. ไปช่วยอธิบายเรื่องการทำประกันชีวิตให้ลูกค้า และเมื่อลูกค้าตกลงทำประกันชีวิต นาย ข. จะให้ลูกค้ากรอกใบคำขอทำประกันชีวิตเป็นลูกค้าของตน และกลับมาบอกนาย ก. ว่า ลูกค้าไม่ยอมทำประกันชีวิตแล้ว ท่านคิดว่าการกระทำของนาย ข. ผิดจรรยาบรรณหรือไม่
ก. ผิด เพราะ นาย ข. ไม่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนร่วมงาน ข. ผิด เพราะ นาย ข. ไม่ซื่อสัตย์ต่อผู้เอาประกันภัย ค. ไม่ผิด เพราะ นาย ข. ไม่จำเป็นต้องบอกใครๆ ว่าตนเป็นตัวแทนประกันชีวิต ง. ไม่ผิด เพราะ ผู้เอาประกันภัยตกลงทำประกันชีวิตกับนาย ข. เอง
3. นาย ก. ตกลงทำประกันชีวิต และได้ชำระเบี้ยประกันภัยผ่าน นาย ข. ซึ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิต นาย ข. เห็นว่า การชำระเบี้ยประกันภัยมีระยะ เวลาผ่อนผัน 30 วัน จึงนำเงินนั้นไปใช้ส่วนตัว และนำส่งบริษัทภายหลัง โดยไม่เกินระยะเวลาผ่อนผันนั้น ท่านคิดว่าการกระทำของนาย ข. ถูก หรือไม่
ก. ถูก เนื่องจากไม่เกิดผลเสียต่อ นาย ก. และบริษัท
ข. ผิด เนื่องจาก นาย ข. ไม่ซื่อสัตย์ต่อ นาย ก. และบริษัท
ค. ผิด เนื่องจาก นาย ข. ควรบอกกล่าว นาย ก. ก่อน
ง. ไม่มีข้อถูก
จรรยาบรรณเรื่องที่ 2 “ให้บริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และชี้แจงให้ผู้เอาประกันภัยทราบถึงสิทธิและหน้าที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย” 4. ส่วนใหญ่เมื่อตัวแทนประกันชีวิตขายกรมธรรม์ประกันชีวิตไปแล้ว
ในปีต่อไปตัวแทนประกันชีวิตมักจะละเลยไม่ไปบริการเก็บเบี้ยประกันภัยทั้ง ๆ ที่บอกกับผู้เอาประกันภัยว่าจะเป็นผู้มาเก็บเบี้ยประกันภัยเอง ถามว่าการละเลยไม่ไปเก็บเบี้ยประกันภัยของตัวแทนประกันชีวิตเป็นการขาด จรรยาบรรณหรือไม่
ก. ขาดจรรยาบรรณ เพราะไม่มีความหมั่นเพียรในการให้บริการ
ข. ขาดจรรยาบรรณ เพราะไม่มีความซื่อสัตย์ต่อผู้เอาประกันภัย
ค. ไม่ขาดจรรยาบรรณ เพราะเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องไปชำระเบี้ยเอง
ง. ถูกทั้ง ก. และ ข.
5. ปัญหาที่ตัวแทนประกันชีวิตไม่มาเก็บเบี้ยประกันภัย และให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัย โดยที่ผู้เอาประกันภัยไม่ทราบถึงผลเสียนั้น ท่านมีความ เห็นว่า
ก. ตัวแทนควรแจ้งให้ผู้เอาประกันภัยทราบล่วงหน้าว่าการมาเก็บเบี้ยประกันภัย เป็นเพียงการให้บริการ ถ้าตัวแทนไม่มาเก็บเบี้ยประกันภัยตามกำหนด เป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยต้องส่งเบี้ยประกันภัยให้ถึงบริษัท
ข. เป็นหน้าที่ของตัวแทนที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นหากไปเก็บเบี้ยประกันภัยไม่ตรงตามกำหนด
ค. เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณในข้อที่ไม่ให้บริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และไม่ชี้แจงให้ผู้เอาประกันภัยทราบถึง สิทธิและหน้าที่
ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข้อ ค. 6. ตัวแทนประกันชีวิตมีการให้บริการผู้เอาประกันภัยอย่างไร
ก. ให้บริการอย่างดีในปีแรก สำหรับปีต่อ ๆ ไปไม่จำเป็นแล้ว เพราะผู้เอาประกันภัยต่างก็รู้หน้าที่ของตนแล้ว
ข. ช่วยกรอกใบคำขอแทนผู้ขอเอาประกันภัย เพื่อจะได้ไม่รบกวนเวลาผู้เอาประกันภัย และเป็นการบริการที่ดี
ค. ให้การบริการต่อผู้เอาประกันภัยที่จ่ายเบี้ยประกันสูงมากกว่าที่จ่ายเบี้ยประกันภัยต่ำ ทั้งนี้เพื่อความยุติธรรมต่อ ทุกฝ่าย
ง. ให้การบริการผู้เอาประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ
จรรยาบรรณเรื่องที่ 3 “รักษาความลับอันมิควรเปิดเผยของผู้เอาประกันภัยและของบริษัทต่อบุคคลภายนอก”
7. นาง ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตบริษัทแห่งหนึ่ง ได้ชักชวนให้นาย ข. ซึ่งเป็นเพื่อนทำประกันชีวิต ต่อมานาย ข. ป่วยเป็นวัณโรค เมื่อนาย ก. ทราบว่า นาย ข. ป่วยเป็นโรคติดต่อ ก็ได้นำเรื่องที่นาย ข. ป่วยไปเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก การกระทำของนาย ก. ผิดจรรยาบรรณตัวแทนประกันชีวิตหรือไม่
ก. ไม่ผิด เพราะนาย ข. เป็นโรคติดต่อที่สามารถรักษาให้หายได้
ข. ผิด เพราะเปิดเผยความลับของผู้เอาประกันภัยต่อบุคคลภายนอก
ค. ไม่ผิด เพราะนาย ก. พูดความจริง
ง. ผิด เพราะทำให้สังคมรังเกียจนาย ข.
8. นาย ก. เป็นตัวแทนของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง และได้ทราบข่าวจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่าบริษัทประกันชีวิตที่ตนเองทำ งานอยู่นั้นมีฐานะไม่ค่อยจะมั่นคง เนื่องจากมีการทุจริตกันภายใน จึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งแก่นาย ก. ซึ่งเป็นเพื่อนกันและกำลังจะทำประกันชีวิตกับบริษัทนี้ การกระทำของนาย ก. นั้น ผิดจรรยาบรรณและศีลธรรมหรือไม่
ก. ไม่ผิด เพราะ นาย ก.พูดความจริง
ข. ไม่ผิด เพราะนาย ก. พูดไปโดยมิได้ตั้งใจให้เกิดผลเสียแก่บริษัท
ค. ผิด เพราะการนำเรื่องดังกล่าวไปบอกแก่ นาย ข. เป็นผลทำให้ นาย ข. ไม่ทำประกันชีวิตกับบริษัท
ง. ผิด เพราะไม่รักษาความลับอันไม่ควรเปิดเผยของบริษัทต่อบุคคลภายนอก
9. นาย ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตได้ชักชวน นาย ข.ทำประกันชีวิตและนาย ข. ได้ระบุให้ภรรยาน้อยเป็นผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ นาย ก. ได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่สาวของตน ซึ่งเป็นภรรยาหลวงนาย ข. ฟัง นาย ก. กระทำผิดจรรยาบรรณอาชีพตัวแทนประกันชีวิตหรือไม่
ก. ไม่ผิด เพราะนาย ก. นำความลับของนาย ข. ไปเล่าให้พี่สาวฟัง
ข. ไม่ผิด เพราะนาย ก.พูดความจริงที่พึงเปิดเผยกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้
ค. ผิด เพราะนาย ก. ไม่ซื่อสัตย์กับนาย ข.
ง. ผิด เพราะนาย ก. นำเรื่องซึ่งได้รับรู้มาจากใบคำขอเอาประกันชีวิตของนาย ข. ไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น
จรรยาบรรณเรื่องที่ 4 “เปิดเผยข้อความจริงของผู้เอาประกันภัยในส่วนที่เป็นสาระสำคัญเพื่อการ พิจารณารับประกัน หรือเพื่อความสมบูรณ์แห่งกรมธรรม์”
10. นาย ก. เป็นตัวแทนของบริษัทประกันชีวิตแต่ตนเองเป็นโรคร้ายแรง จึงได้ติดต่อนาย ข. ตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทว่าจะกรอกในใบคำขอเอาประกันชีวิตอย่างไรดี นาย ข. จึงแนะนำให้ควรปกปิด เพราะมิฉะนั้นแล้วบริษัทประกันภัยจะไม่รับทำประกันชีวิตหรือไม่ก็เรียกเบี้ย ประกันชีวิตสูงขึ้น ท่านคิดว่า นาย ข. ผิดจรรยาบรรณการเป็นตัวแทนประกันชีวิตหรือไม่
ก. ไม่ผิด เพราะนาย ก.เป็นเพื่อนสนิทของตนซึ่งต้องให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ข. ไม่ผิด เพราะการช่วยเหลือคนตกทุกข์แม้จะไม่ใช่เพื่อนของตนเป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว
ค. ผิด เพราะไม่เปิดเผยข้อความจริงผู้เอาประกันภัย ส่วนที่เป็นสาระสำคัญ อาจทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะได้
ง. ผิด เพราะไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัทประกันชีวิตซึ่งเป็นนายจ้างของตน
11. เพราะเหตุใดการเปิดเผยข้อความจริงของผู้เอาประกันภัยในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ เพื่อการพิจารณารับประกันภัยหรือเพื่อความสมบูรณ์แห่งกรมธรรม์ เป็นหนึ่งในจรรยาบรรณของตัวแทนประกันชีวิต ก. เพราะข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญของผูเอาประกันภัย เช่น ประวัติสุขภาพ
เป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการพิจารณา ของบริษัทว่าจะรับ ประกันภัยหรือไม่ และจะกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยอย่างไร
ข. การช่วยเหลือปกปิดความจริงอันเป็นสาระสำคัญของผู้เอาประกันภัย หากบริษัททราบความจริงในภายหลังอาจใช้สิทธิบอกล้างโมฆียะกรรม ทำให้ลูกค้าไม่ได้ประโยชน์ จากการทำประกันชีวิต
ค. การช่วยปกปิดข้อมูล เพียงเพื่อหวังค่าบำเหน็จเป็นการไม่ซื่อสัตย์ทั้งต่อตัวแทนเอง ต่อผู้เอาประกันภัย และต่อบริษัท และทำลายภาพพจน์ของธุรกิจโดยส่วนร่วม
12. ในจรรยาบรรณของตัวแทนประกันชีวิต ข้อที่ให้เปิดเผยข้อความจริงของผู้เอาประกันภัยในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ เพื่อการพิจารณารับประกันภัย หรือเพื่อความสมบูรณ์แห่งกรมธรรม์นั้น คำว่า ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ หมายถึง
ก. ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผู้เอาประกันภัย
ข. ทุกเรื่องที่มีตามในใบคำขอ
ค. ทุกเรื่องที่ตัวแทนประกันชีวิตทราบ
ง. ทุกเรื่องที่บริษัททราบ
13. นาง ก. ป่วยเป็นโรคมะเร็งในขั้นเริ่มต้น ได้เรียกนาย ข. ลูกชายซึ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ให้มาทำประกันชีวิต เพื่อที่เมื่อตนตายไปนาย ข. และน้องๆ จะได้เงินก้อนหนึ่งไปทำการค้า นาย ข. จึงได้ทำประกันชีวิตให้นาง ก. โดยกรอกข้อความในใบคำขอว่าไม่ได้ เจ็บป่วย หลังจากนั้นอีก 4 ปี นาง ก. ถึงแก่ความตาย บริษัทได้จ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่นาย ข. และน้อง ๆ การกระทำของนาย ข. ผิด จรรยาบรรณและศีลธรรมตัวแทนประกันชีวิตหรือไม่
ก. ผิด เพราะไม่เปิดเผยข้อความจริงของผู้เอาประกันภัย ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญเพื่อการพิจารณารับประกันหรือ เพื่อความสมบูรณ์ของสัญญา
ข. ไม่ผิด เพราะลูกกตัญญูต้องเชื่อฟังพ่อแม่ และทำตามคำขอร้องของแม่ ประกอบกับในกรณีนี้ไม่ว่าจะเจ็บป่วย หรือไม่ บริษัทก็ ต้องจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยอยู่ดีเพราะเกิน 2 ปีแล้ว บริษัทไม่มีสิทธิบอกล้างสัญญา
ค. ไม่ผิด เพราะทำให้คำขอร้องของแม่เป็นจริง และช่วยให้น้อง ๆ มีเงินทุนในการทำการค้า
ง. ผิด เพราะไม่มีความซื่อสัตย์ต่อบริษัทประกันชีวิต
จรรยาบรรณเรื่องที่ 5 “ไม่เสนอแนะผู้ขอเอาประกันภัยทำประกันภัยเกินความสามารถในการชำระเบี้ย ประกันภัย หรือเสนอขายนอกเหนือเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์”
14. นาย ก. ชักชวนให้นาย ข. ทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทแห่งหนึ่ง นาย ข. ตกลงใจจะทำประกันชีวิต และต้องการทุนประกันสูง ๆ ทำให้ต้อง จ่ายเบี้ยประกันภัยที่สูงเกินความสามารถที่จะจ่ายได้นาย ก. ควรแนะนำ นาย ข. อย่างไร
ก. ไม่ต้องแนะนำ ทำตามความต้องการของนาย ข.
ข. แนะนำให้นาย ข. แจ้งรายได้สูงกว่าความเป็นจริง
ค. แนะนำนาย ข. ให้ใช้สิทธิในการชำระเบี้ยประกันภัยช้า เนื่องจากมีช่วงเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัย
ง. แนะนำให้นาย ข. ทำประกันภัยตามความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัย
15. นาย ก. เป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ได้เสนอขายแบบประกันชีวิตให้นาย ข. ผู้สนใจจะทำประกันชีวิต โดยได้อธิบาย ถึงความคุ้มครอง เงื่อนไข สิทธิ ของกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละแบบที่บริษัทมีปรากฏว่านาย ข. ต้องการความคุ้มครองมากกว่าแบบประกันชีวิตที่ บริษัทมี นาย ก. จึงได้เสนอแนะบริษัทให้ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้มีความครองตามที่ผู้สนใจทำ ประกันชีวิตต้องการ ท่านคิดว่าการกระทำของ นาย ก. เป็นอย่างไร
ก. ถูกต้อง เหมาะสมกับการเป็นตัวแทนประกันชีวิตที่ดี
ข. ถูกต้อง เหมาะสมกับการเป็นตัวแทนประกันชีวิตที่ดี เพราะไม่หลอกลวงผู้ขอทำประกันภัย
ค. ถูกต้อง เหมาะสมกับการเป็นตัวแทนประกันชีวิตที่ดี เพราะรักษาผลประโยชน์ให้แก่ลูกค้า
ง. ถูกต้อง เหมาะสมกับการเป็นตัวแทนประกันชีวิตที่ดี เพราะรักษาผลประโยชน์ให้แก่บริษัท สั่งซื้อที่
ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์ สนใจสั่งซื้อมาที่ โทร 085-0127724 Line : testthai1 สามารถนำไปปริ้นเพื่นอ่านได้เลย ในราคาเพียงส่ชุดละ 399 บาท ได้รับภายใน 2-3 ชม. ส่ง EMS ทางไปรษณีย์ เป็นหนังสือ +MP3 ราคา 679 บาท ได้รับภายใน 2-3 วัน กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ เลขที่บัญชี 491-2-00428-2 ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ ชื่อบัญชี decho pragay
ผลงานการสอบได้ของลูกค้า ติดตามข่าวการสอบราชการที่ https://www.facebook.com/testthai1 ดาวน์โหลดแนวข้อสอบรับราชการที่นี่ www.ข้อสอบงานราชการไทย.com
|